เย่จิ่งหลานเหลือบมอง แล้วยกมุมปากขึ้นน้อยๆ
“การเป็นวีรบุรุษมีคุณธรรมนั้นไม่ใช่แค่คำพูด ผู้ที่เอาตัวเองออกหน้าดิ้นรนสุดชีวิตอย่างเจ้าสำนักเซี่ยว ถึงจะเรียกว่าเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว ตำหนักเทพก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงจริงๆ”
ฮั่วเทียนเฉิงก็เคารพชื่นชมเจ้าสำนักเซี่ยวเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่อนุญาตให้เย่จิ่งหลานทำลายชื่อเสียงสำนักตัวเองเช่นนี้
เขาพูดอย่างไม่พอใจ “การต่อสู้ที่เป่ยไห่ใช่ว่าจะไม่สามารถควบคุมได้ หากเรื่องราวบานปลายไปจนถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ ตำหนักเทพคงไม่นิ่งดูดายโดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน”
“แล้วอะไรที่เรียกว่าควบคุมไม่ได้?”
เย่จิ่งหลานพูดอย่างเหน็บแนม “ท่านทราบไหม ว่ามีศิษย์เสียชีวิตหรือบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งนี้ไปเท่าใด มีราษฎรกี่คนที่เป่ยไห่ต้องพลัดถิ่นและสูญเสียคนที่พวกเขารัก...
...ในสายตาของท่าน บางทีสิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงตัวเลขเฉยๆ แต่ท่านเคยคิดไหมว่า เบื้องหลังของชีวิตผู้คนเหล่านี้ ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวที่ผู้บริสุทธิ์อีกเท่าใด ทุกครอบครัวมีพ่อแม่และลูก บางคนอาจสูญเสียหัวหน้าครอบครัวที่ต้องแบกรับภาระในการดำรงชีวิตไป บางคนอาจสูญเสียคนหาเลี้ยงครอบครัวและสูญเสียความมั่นคงในชีวิต ยิ่งอาจมีคนผมขาวส่งศพคนผมดำ ความเจ็บปวดเช่นนี้ผู้ที่ไม่ธรรมดาอย่างท่านฮั่ว คงไม่สามารถเข้าใจได้...
ตำหนักเทพของท่านอยู่สูงเหนือเมฆามาโดยตลอด สำหรับพวกท่านแล้ว ความทุกข์ทรมานในโลกมนุษย์ เป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น”
ฮั่วเทียนเฉิงอับอายจนพาลโกรธ สวนขึ้นทันควัน “ไม่ใช่ เราไม่ใช่เทพเซียน เราก็มีเลือดเนื้อเช่นกัน ย่อมสามารถรับรู้ความรู้สึกได้อยู่แล้ว”
แต่เมื่อเขานึกถึงสุสานไร้ชื่อบนเขาที่เต็มไปด้วยอาวุธและสัญลักษณ์แสดงฐานะของสำนัก น้ำเสียงก็เงียบลง
เย่จิ่งหลานยักไหล่
“น่าเสียดาย ข้าไม่เห็นความเห็นอกเห็นใจของพวกท่าน แต่กลับเห็นความกระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จของตำหนักเทพแทน หากไม่ใช่เพราะข้ามีความสามารถป้องกันตัวเองได้ ตอนนี้คงถูกนำตัวไปที่ตำหนักเทพแล้ว และคณะเดินทางนี้ก็คงจะแยกย้ายกันไป...
...เว้นเสียแต่ว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ศิษย์ของแต่ละสำนักจะแยกย้ายกันฝึกซ้อม เป็นเรื่องยากที่จะรวมตัวกันอีกครั้ง ตำหนักเทพของพวกท่าน จะสามารถจัดคณะเดินทางที่มีกำลังเช่นเดียวกันนี้ได้อีกหรือไม่...
...คำตอบคือไม่ เพราะในสายตาของพวกท่าน ไม่เห็นชีวิตความเป็นความตายของราษฎรอยู่ในสายตาเลย สิ่งที่พวกท่านกำลังมองหาคือการไร้เทียมทานในใต้หล้า และความลับที่อาจไม่มีอยู่เลย...”
ฮั่วเทียนเฉิงรู้สึกว่าใบหูร้อนฉ่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กคนนี้ เขากลับรู้สึกละอายใจจริงๆ
คำอธิบายทั้งหมดนั้นล้วนไร้น้ำหนัก แม้ว่าเขาจะปฏิเสธอยู่ตลอด แต่ในในกลับเข้าใจดี เย่จิ่งหลานพูดความจริงทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...