สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1014

เย่จิ่งหลานเลิกคิ้ว

“ในเมื่อเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นสำนักถือสันโดษ ทำไมถึงให้เจ้าแอบเข้าไปอย่างง่ายดายขนาดนี้”

โมริตะคาวาสึบาเมะกล่าวว่า “แม้ว่าอิ๋นเฉิงจะถือเป็นสำนักอันดับต้นๆ ในจงหยวน แต่ก็ยังแตกต่างจากสำนักทั่วไปเล็กน้อย เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ แม้ว่าทุกคนจะรู้วรยุทธ์ แต่ก็ไม่ต่างจากชาวบ้านธรรมดา ฉะนั้นจึงแอบเข้ามาได้ง่าย”

เย่จิ่งหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าแอบขโมยวิชาฝังโลหิตมาจากอิ๋นเฉิงงั้นหรือ นั่นไม่ถูกสิ หากเจ้ามีชีวิตอยู่นานกว่าร้อยปี อย่างไรก็ต้องใช้หลายศพ แล้วก่อนหน้านี้เจ้าใช้อะไรประคองวิญญาณ”

โมริตะคาวาสึบาเมะแค่นเสียงพูดว่า “ร่างอื่นที่ข้ากำลังพูดถึงคือร่างกายดั้งเดิมของข้า หากกำลังภายในแข็งแกร่งพอที่จะรักษาพลังชีวิตของตัวเองไว้ได้ การมีชีวิตอยู่สามถึงห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา น่าเสียดาย ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถฟื้นตัวได้ จึงต้องยอมเสี่ยง กลับไปยังจงหยวนเพื่อหาทางรักษา บังเอิญเป็นการเปิดเมืองอิ๋นเฉิงพอดี ทำให้ข้าได้ฉวยโอกาส ต่อมาเมื่อตระกูลโมริตะให้กำเนิดลูกชาย ข้าก็ได้ใช้วิชาฝังโลหิตกับเขา เพื่อรอโอกาสที่จะยึดร่างของเขา”

เย่จิ่งหลานเล่นปืนพก พูดอย่างไม่อินังขังขอบ “ฟังจากที่เจ้าพูด เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเหมือนจะดีกว่าตำหนักเทพอยู่หน่อย แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร หรือเจ้ารู้วิธีแก้การฝังโลหิต?”

โมริตะคาวาสึบาเมะส่ายหัว

“นี่เป็นศาสตร์ลับของอิ๋นเฉิง ข้าเองก็ใช้วิชาเนตร ถึงจะเปิดห้องลับของเมืองผ่านคนเฝ้าได้ หนังสือเล่มนั้นบอกว่าวิชานี้ไม่มีทางแก้”

เย่จิ่งหลานขมวดคิ้ว

ไม่มีวิธีแก้ปัญหา?

ถ้าเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้ไม่ต้องพกสิ่งนี้ติดตัวไปตลอดชีวิตหรอกหรือ

“ถ้าร่างกายของเหยื่อยังไม่ถูกพรากไป จะเกิดอันตรายอะไรหรือไม่”

โมริตะคาวาสึบาเมะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อเห็นเลือดครั้งแรกจะคลุ้มคลั่ง แต่ยังสามารถควบคุมได้ หากเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนอาจจะเสียสติ ถูกธาตุไฟเข้าแทรกโดยสิ้นเชิง”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เย่จิ่งหลานอีกครั้ง ยกมุมปากขึ้นแล้วถามว่า “เจ้าคงไม่ได้ถูกฝังโลหิตด้วยกระมัง”

“แม่ง เจ้ายังกล้าถามข้าอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์