ณ สนามฝึก
ทหารของซ่งเฉียวอันได้รับการฝึกฝนอย่างหนักท่ามกลางแสงแดดที่สดใส ส่วนอินชิงเสวียนได้ให้ทหารได้พักผ่อนแล้ว
อุณหภูมิตอนเที่ยงสูงถึงสามสิบเจ็บสามสิบแปดองศาเซลเซียส ถ้าไม่ระวังจะเป็นโรคลมแดดซึ่งได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
นางมีคนเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องรับรองว่าทุกคนต้องได้ลงต่อสู้ในสนาม
ทุกคนนั่งบนพื้น กินองุ่น เพลิดเพลินกับความเย็น และรู้สึกสบายอย่างสุดจะพรรณนา
ทหารของซ่งเฉียวอันยังคงตะโกนลั่น พวกเขาก็ฝึกซ้อมอย่างกระฉับกระเฉง
ทหารคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ติดตามเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงดีกว่าจริงๆ ไม่ต้องฝึกกลางแดด”
อีกคนคร่ำครวญ “ใช่ วันใดที่ฝึกกลางแดดต้องมีทหารล้มไปหลายคนเลย”
“อากาศร้อนเช่นนี้ ยังต้องออกแรงอย่างหัก ถ้าไม่เป็นลมก็แปลกแล้ว กงกงน้อยไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกเราตากแดดเท่านั้น แต่ยังให้ผลไม้แสนอร่อยเหล่านี้แก่เราอีกด้วย คงจะดีมากถ้ามีเขาเป็นแม่ทัพของเรา”
จังเถี่ยยืนขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าเจ้าเสี่ยวเสวียนจื่อดี เช่นนั้นก็จงทำกันให้เต็มที่ ถ้าพวกเราแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แม้จะกลับคายแล้วพวกเราก็จะถูกพวกเขาหัวเราะเยาะ”
สวีเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ถูกต้อง ข้าพูดหลักการสำคัญอะไรไม่เป็น แต่เมื่อเขาดีต่อพวกเรา พวกเราต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้ตอบแทนเขา จะได้ไม่ติดค้างกัน”
“พวกเราจะต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้”
“ใช่ พวกเราต้องชนะ”
ทหารหลายคนลุกขึ้นยืนแล้ว กำลังเตรียมการฝึกซ้อมอีกครั้ง
อินชิงเสวียนอยู่ในครัว ชี้บอกให้พ่อครัวทหารนึ่งซาลาเปา เมื่อได้ยินคนส่งเสียงดังในลานข้างนอก ก็เดินออกมาดู
“เกิดอะไรขึ้น”
ทหารคนหนึ่งยืดอกกล่าวว่า “พวกเราอยากไปฝึก”
อินชิงเสวียนหรี่ตามองไปที่ดวงอาทิตย์
“การฝึกทหารในวันที่อากาศร้อนจะเป็นลมแดดได้ง่าย ทุกคนควรพักผ่อนสักพัก ถึงยามบ่ายค่อยฝึกก็ยังไม่สาย กินแตงโม ดื่มน้ำมากๆ ต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด ทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งอีกครั้ง
ในบรรดาพวกเขามีทหารใหม่และทหารเก่าอยู่ด้วย แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นทหารเก่าหรือใหม่ ในสายตาของแม่ทัพ พวกเขาก็ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าเครื่องมือในการต่อสู้ เมื่อใดกันที่มีผู้สนใจชีวิตและความตายของพวกเขาจริงๆ
มีคนพูดอย่างกระตือรือร้น “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงไม่ต้องห่วง อาศัยที่เจ้าดีต่อพวกเราเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะชนะแม่ทัพซ่งให้ได้”
“ถูกต้อง การต่อสู้คราวนี้มอบให้พวกเราจัดการเถอะ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน จู่ๆ ก็มีคนได้ยินเสียงตะโกนว่า “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”
เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นกวนเซี่ยวยืนอยู่นอกประตูเหล็กทันที
นางโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูเหล็ก
คาดเดาในใจว่ายาคงจะได้ผล แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายกวน วันนี้มาดูการฝึกทหารอีกแล้วรึ”
กวนเซี่ยวประกบมือคำนับ แล้วพูดว่า “มิใช่ ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงโดยเฉพาะ”
“เอ๋ หรือว่าอาการปวดศีรษะของแม่ทัพเฒ่าบรรเทาลงแล้ว”
อินชิงเสวียนมองไปที่กวนเซี่ยวด้วยดวงตาโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง
แก้มของกวนเซี่ยวรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริง หลังจากกินยาของกงกงเมื่อคืนนี้ ท่านปู่ของข้าก็หลับไปทั้งคืนจริงๆ เมื่อเช้านี้ตื่นขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว หากจอมพลเฒ่าว่างเมื่อใด ขอให้คุณชายกวนช่วยจัดแจงให้ด้วย ข้ามีบางสิ่งที่อยากจะให้จอมพลเฒ่าช่วยอธิบาน”
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่ชอบคนในวัง ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้น ขอกงกงโปรดอย่าใจร้อน”
กวนเซี่ยวพูดอย่างมีไหวพริบมาก
อินชิงเสวียนใช้นิ้วเท้าคิดก็รู้ว่าชายชราไม่ได้ไม่ชอบคนในวัง หากแต่ดูถูกขันทีต่างหาก
นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยในหมู่ขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ในทุกราชสำนัก และเป็นการยากที่จะเปลี่ยนแปลง
อินชิงเสวียนถอนหายใจเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ขอเพียงข้าได้พบจอมพลเฒ่าก่อนการประลองก็พอแล้ว สิบห้าวันหลังจากนี้ ข้าต้องกลับวัง เกรงว่าจะออกมาได้ยาก”
“ได้ ในช่วงระหว่างนี้ข้าจะจัดแจงให้กงกงน้อยได้พบกับท่านปู่ของข้าแน่นอน”
ในขณะที่กวนเซี่ยวกำลังพูด เขาก็มองเข้าไปในประตูเหล็กหลายครั้ง เห็นว่าคนเหล่านี้ถือของที่มีผิวสีเขียวและเนื้อสีแดงกำลังแทะอย่างมีความสุข เขาก็กลืนน้ำลายเอื้อก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...