อินชิงเสวียนออกจากโรงน้ำชาอย่างอารมณ์ดี
ตงหลิวถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ราษฎรชาวเป่ยไห่ก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาจากการถูกศัตรูรุกรานอีกต่อไป
เย่จิ่งหลานก็กลับมาแล้ว กลายเป็นแบบที่ตัวเขาต้องการ ในที่สุดก็สามารถเริ่มต้นชีวิตที่แสนวิเศษของเขาได้
อาศัยแค่รูปลักษณ์ที่หล่อเหลานี้เพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้แม่นางน้อยใหญ่วัยออกเรือนและยังไม่ออกเรือนหลงเสน่ห์ได้
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อ ถ้าไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดเผยตัวตนก่อน ให้ตายอินชิงเสวียนก็คงไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มรูปงามในตอนนี้ คือเด็กน้อยที่เล่นขลุ่ยดินเผาในวังหลวงวันนั้น
อย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนชอบเย่จิ่งหลานรูปลักษณ์ที่เป็นเด็กมากกว่า นึกอยากจะบีบแก้มก็ทำได้ ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น
นางหัวเราะเบาๆ เจ้าสุนัขก็หยุดที่ประตูโรงเตี๊ยมชื่อฝูไหล กระดิกหางปุกปุยใหญ่โตไปมา และเห่าบอกอินชิงเสวียน
“อยู่ที่นี่งั้นหรือ”
อินชิงเสวียนหยุดเดิน ลูบหัวมันเบาๆ
ไป๋เสวี่ยเห่าอีกครั้ง ราวกับเป็นการยืนยัน
“รอข้าข้างนอกนะ”
อินชิงเสวียนกำชับ แล้วเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
ทันทีที่เข้าไปในประตูก็เห็นฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงกำลังรับประทานอาหารอยู่
“ชิงเสวียน!”
เฟิงเอ้อร์เหนียงโบกมือเรียกนาง
อินชิงเสวียนเดินไปหาอย่างรวดเร็ว
“พวกท่านออกมาสักพักแล้วหรือ”
ฉุยอวี้พยักหน้า
“เมื่อคืนนี้เราพักที่นี่ ทางด้านเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อมูลอะไรหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...