เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะกำนิ้วแน่น ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “อาอวี้ ทำไม...ท่านมาที่นี่ทำไม...”
“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ข้าจะไม่มาได้อย่างไร”
ซึ่งบุรุษที่พูดนั้น ก็คือเย่จิ่งอวี้
เจวี๋ยอิ่งได้รับปากกับหลี่เต๋อฝูแล้วว่าจะติดต่อสหายชาวยุทธ์ ช่วยกับตามหาเบาะแสทิศทางของฮองเฮาไว้ก่อนแล้ว เมื่อเย่จิ่งอวี้ถาม เขาก็ไม่กล้าปิดบังอยู่แล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เย่จิ่งอวี้ถาม หลังจากจัดการเรื่องในราชสำนักแล้ว เขาได้ติดต่อเย่จั้นผ่านจดหมายลับของราชวงศ์ เมื่อยืนยันที่อยู่ของอินชิงเสวียนอีกครั้งแล้ว ก็รีบรุดมุ่งหน้ามายังเทือกเขาเชื่อมเมฆาทันที
เฟยมั่วที่แปลว่าน้ำหมึกโบยบินนี้ ไหนเลยจะเป็นเพียงแค่นามของเจ้าม้า มันสามารถเดินทางได้หลายพันลี้ในหนึ่งวัน เขาทิ้งเจวี๋ยอิ่งและทหารองครักษ์คนอื่นๆ ไว้ข้างหลัง เมื่อเย่จิ่งอวี้มาถึงตีนเขา ก็ได้พบกับเย่จั้นที่กำลังยุยงให้ชาวยุทธ์โจมตีตำหนักเทพ
ทันทีที่ค่ายกลแนวป้องกันเขาพังทลาย เย่จิ่งอวี้ก็วิ่งตรงไปยังยอดเขาบรรจบสวรรค์ทันที
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนถูกชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวโจมตีอย่างดุเดือด เข้าก็โกรธเกรี้ยวจนดวงตาแทบถลน แล้วจึงลงมือช่วยเหลือภรรยาทันที
เย่จิ่งอวี้จับร่างอันบอบบางนี้ไว้ ดวงตาเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“เสวียนเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว”
ร่างของอินชิงเสวียนกำลังสั่นสะท้าน นางคิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งอวี้จะปรากฏต่อหน้านาง นางมีคำพูดมากมายอยู่ในหัว จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน
ริมฝีปากบางสั่นระริก หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ท่าน...ท่านจำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือออกมา ปัดปอยผมที่ปลิวไปตามลมออกจากหน้าผากของอินชิงเสวียน เมื่อมองดูใบหน้าที่ผอมซูบดวงนั้น เสียงทุ้มก็เจือแววสะอื้น
“ขอโทษนะ ข้าจำเรื่องเหล่านี้ได้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ข้ามัวแต่ใช้เวลาจัดการสะสางเรื่องในราชสำนัก จนป่านนี้ถึงเพิ่งมาหาเจ้า เป็นความผิดของข้าเอง ข้าควรจะมาเร็วกว่านี้ ไม่ควรให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้”
เขาอ้าวงแขนกว้าง ราวกับจะโอบร่างอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขน
อินชิงเสวียนรู้สึกแสบจมูก นางสะกดก้อนสะอื้นในลำคอ และพูดด้วยเสียงแผ่วต่ำ “คนที่ผิดคือข้าเอง ข้าไม่ควร...”
“อย่าพูดเหลวไหล เป็นเพราะข้าล้มเหลวในการทำหน้าที่สามีและพ่อ จ้าวเอ๋อร์ล่ะ...เขาสบายดีหรือไม่”
เมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกผิดมาโดยตลอด
เย่จิ่งอวี้เต็มไปด้วยความสุข ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ของภรรยาที่รักยิ่งเลย เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก พูดว่า “ดีแล้ว จากนี้ไป เจ้าและข้าสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะช่วยแบกรักกับเจ้า”
เย่จิ่งหลานก้าวมาทางนี้ เห็นคู่สามีภรรยากอดกันกะหนุงกะหนิง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นในใจ เพื่อนจากยุคเดียวกันสู้คู่ฟ้าประทานไม่ได้สินะ
เขาส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ยิ้มกับตัวเอง
มนุษย์เป็นสัตว์ที่แปลกประหลาด บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถได้ครอบครอง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถวิลหา
ไม่ว่าจะเป็นเพราะขนาดร่างกายที่โตขึ้น หรือเพราะมีการใกล้ชิดกับอินชิงเสวียนมากขึ้น จู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงได้พบว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นถี่ขึ้น ยากต่อการระงับมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเชื่อในจิตตานุภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะมีความคิดอย่างไร เขาก็จะไม่แสดงให้อินชิงเสวียนเห็น
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็นึกถึงเจ้าตำหนักจินในมิติ เขานึกในใจ ครั้นแล้วร่างนั้นก็ได้เข้าไปในมิติ
หวังซุ่นเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า
“นายท่าน ท่านมาช้าไป เจ้าตำหนักสิ้นลมหายใจไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...