เย่จิ่งหลานก้มลงอย่างรวดเร็ว กดนิ้วบนหลอดเลือดแดงของเจ้าตำหนักจิน แน่นอนว่าไม่มีร่องรอยของการสูบฉีดโลหิตอีกต่อไป
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เมื่อครู่มีเหตุฉุกเฉินข้างนอก ข้าไม่สามารถเปิดมิติได้ ท่านผู้เฒ่าจิน ข้าขอโทษจริงๆ”
หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบ เขาก็หันไปมองหวังซุ่น
“เจ้าตำหนักจินพูดอะไรก่อนที่เขาจะเสียชีวิต”
“เขาทิ้งสิ่งนี้ไว้”
หวังซุ่นชูหยกดำชิ้นสี่เหลี่ยมในมือขึ้น และมอบให้เย่จิ่งหลานด้วยความเคารพ
เมื่อเย่จิ่งหลานรับมาดู ก็เห็นว่ามันคือตราหยก
ด้านบนสลักเป็นภาพแสงสีม่วงเรืองรอง ณ ปลายเบื้องบุรพทิศ ด้านล่างสลักคำว่า ตราคำสั่งตำหนักเทพ
ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นตราประทับสูงสุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สูงที่สุดของตำหนักเทพ
เย่จิ่งหลานถือวัตถุนี้ไว้ในมือ เพียงครู่หนึ่งอยู่ๆ ก็มีความคิดที่จะเก็บไว้ใช้ส่วนตัว
เย่จิ่งหลานรู้สึกตกใจกับความคิดนี้ เขาเฉยชากับอำนาจแล้ว เพราะเหตุใดเขาถึงมีความคิดเช่นนี้น่าแปลกจริงๆ
เขาไอแห้งๆ แล้วถามอีกครั้ง “เจ้าไม่ได้ให้เขาดื่มน้ำพุวิญญาณหรือ”
หวังซุ่นพูดด้วยใบหน้าโศกเศร้า “ดื่มแล้ว ผ่านไปราวๆ สิบห้านาที นักพรตเต๋าทั้งสองคนบอกว่า ผู้เฒ่าจินคนนี้หมดลมหายใจไปนานแล้ว”
ดวงตาของเย่จิ่งหลานก็มืดลงเล็กน้อย
“นอกจากนั้น เขายังมีอะไรสั่งเสียอีกหรือไม่”
หวังซุ่นชี้ไปที่อินหลีที่ดูสับสน
“ยังมีแม่นางอินคนนี้ด้วย เจ้าตำหนักบอกว่าเขาถูกตาแก่หันทรมานแสนสาหัส เพียงเพราะพลังนี้และตราประทับของตำหนักเทพ เจ้าตำหนักได้ถ่ายทอดพลังทั้งหมดให้กับแม่นางผู้นี้ เพราะนางไม่รู้วรยุทธ์ และยังไม่เข้าใจวิธีการออกท่าวรยุทธ์ ดังนั้นผู้อาวุโสหันจึงไม่สามารถดึงพลังออกมาได้ทันที ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรอดมาได้จนถึงตอนนี้ บัดนี้ผู้อาวุโสหันได้พาเขาออกจากสุสาน ให้เขาได้มาเจอเหมยชิงเกอ เขาตายโดยไม่เสียดายแล้ว”
เย่จิ่งหลานค่อนข้างประหลาดใจ
ที่แท้พลังของอินหลีก็เป็นของเจ้าตำหนักจินนั่นเอง มิน่าเล่าถึงได้แข็งกร้าวเผด็จการเพียงนี้
สิ่งนี้ยังสามารถอธิบายได้ว่าทำไมอินหลีถึงมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ และทำไมผู้อาวุโสหัน จึงเฝ้าดูอินหลีอย่างใกล้ชิด
สุนัขแก่ตัวนี้เจ้าเล่ห์มากจริงๆ
แต่ไม่รู้ว่า เขาจะตายหรือเปล่า
ขณะที่เย่จิ่งหลานกำลังคิดเรื่องนี้ ผู้อาวุโสหันก็ถูกนำตัวเข้าไปในถ้ำที่เต็มไปด้วยวัชพืช
ซึ่งคนบ้าที่พาเขาไป ก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของผู้อาวุโสหัน หันเจิงหมิง
นับตั้งแต่เหมยชิงเกอกับเฮ่อยวนตกลงรักมั่น หันเจิงหมิงก็ทนไม่ไหว ขณะฝึกยุทธ์ก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรก วันๆ ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในอาการวิปลาส สุดท้ายก็ออกจากที่พักหิน หลบมาใช้ชีวิตตามลำพัง
วันนี้เขากำลังเล่นกับมนุษย์หินที่เขาแกะสลักไว้ อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ทำให้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างในใจ จากนั้นเขาก็มาที่ห้องโถงด้านหน้าเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นผู้อาวุโสหันได้รับบาดเจ็บ ความทรงจำก็กระจ่างชัดในใจ
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ”
เขาเขย่าผู้อาวุโสหันอย่างแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ลำคอของผู้อาวุโสหันถูกทำลาย ไม่สามารถเอ่ยปากพูดคำใดได้เลย เขามองดูลูกชายที่เส้นผมกระเซอะกระเซิงด้วยความสิ้นหวัง ทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักออกมา
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
ดวงตาทั้งคู่ของหันเจิงหมิงแดงก่ำด้วยความกังวลใจ
ผู้อาวุโสหันกดนิ้วเขียนลงบนพื้นอย่างแรง เขียนคำสองคำลงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...