สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1164

เย่จิ่งหลานเงยหน้าขึ้น พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้ากับเจ้าไม่คุ้นเคยกัน จะให้เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเคยอยู่กับเจ้าสำนักฉุยมาก่อน งั้นก็ควรไปหานาง”

ฉางเฮิ่นเทียนดูเหมือนจะรู้ว่าเย่จิ่งหลานจะไม่รับปาก เขาจึงถอนหายใจและพูดว่า “คุณชายกล่าวถูกแล้ว เป็นข้าที่บุ่มบ่ามเกินไป เช่นนั้นต้องขอตัวลาแล้ว”

ฉางเฮิ่นเทียนโค้งคำนับ แล้วขึ้นไปบนภูเขา

หวังซุ่นเลียนแบบท่าทางของเย่จิ่งหลาน ลูบคางไปมา

“ฉางเฮิ่นเทียนคนนี้มาจากไหน ตอนอยู่ในเป่ยไห่ก็ไม่ค่อยได้เจอ”

เย่จิ่งหลานพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นชาวเป่ยไห่ดั้งเดิม แต่ถึงอย่างไรชาวยุทธ์ที่มีทักษะวรยุทธ์ไม่โดดเด่นมากนัก สามารถติดตามผู้อาวุโสหันได้ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาต้องโดดเด่น เขารั้งอยู่บนเขาได้ ก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน”

หวังซุ่นถามทันทีว่า “นายท่าน คนดั้งเดิมหมายความว่าอย่างไร”

เย่จิ่งหลานยกมือขึ้นสั่นแรงๆ

“หมายถึงคนท้องถิ่น”

หวังซุ่นหัวเราะแหะๆ

“นายท่านใช้คำพูดดีจริงๆ แล้วเราจะไปหาเจ้าตำหนักเหมยคนใหม่ตอนนี้เลยหรือไม่”

“ไปเถอะ จะทิ้งร่างของเจ้าตำหนักไว้ในมิติตลิดไปก็ไม่ได้”

สองนายบ่าวพูดคุยกันสักพัก แล้วจึงเดินไปที่ห้องโถงจื่อชี่ตงไหล

ในเวลานี้ เหมยชิงเกอกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง มือข้างหนึ่งวางบนที่จับของเก้าอี้หิน และท่วงท่ากิริยาล้วนมีกลิ่นอายของผู้สูงส่ง

ด้านซ้ายและขวาของนาง คือฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงที่นั่งตามลำดับ

ฉุยอวี้กล่าวว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ได้รับตราประทับของตำหนักเทพแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องแจ้งศิษย์ของตำหนักเทพโดยเร็วที่สุด รีบแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าตำหนัก เพื่อรักษาเสถียรภาพใจคน”

จู่ๆ สีหน้าของเหมยชิงเกอก็เปลี่ยนจากสีขาวซีดเป็นสีเขียวขุ่น

นางกัดริมฝีปากแรง ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า “งั้นข้ายิ่งไม่สามารถบอกนางได้ ในเมื่อนางรู้ตัวตนของข้าแต่แรก แต่มักจะเรียกข้าว่าผู้อาวุโส ก็เห็นชัดแล้วว่า นางไม่ต้องการข้าในฐานะแม่ ที้ช่วยข้าก็เป็นเพราะอยู่ในฐานะลูกเท่านั้น”

เฟิงเอ้อร์เหนียงพูดอย่างเร่งรีบ “ชิงเสวียนไม่ใช่คนแบบนั้น คงเป็นเพราะศิษย์พี่ไม่ยอมเอ่ยปาก ชิงเสวียนจึงไม่กล้าพูดอะไร”

เหมยชิงเกอหันไปมองนางด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

“เจ้ารู้จักนางมานานแค่ไหนแล้ว เจ้าจะเข้าใจความคิดของนางทั้งหมดได้อย่างไร”

นางถอนหายใจและพูดต่อ “ตอนนี้ข้าแค่อยากให้นางอยู่บนเขา อยู่ด้วยกันอีกสักพัก หลังจากที่ข้าจัดการกับเฮ่อยวนแล้ว ข้าค่อยหาโอกาสรับนาง”

เฟิงเอ้อร์เหนียงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ นอกจากนั้นยังมีอาคันตุกะจากตำหนักเทพด้วย ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบตำหนักเทพ เช่นนั้นจะให้พวกเขาลงจากเขาด้วยหรือไม่ เรื่องภายในของตำหนักเทพเรา อย่าให้คนนอกสอดมือเข้ามาแทรกดีกว่า”

เหมยชิงเกอยืนขึ้นและพูดว่า “ไม่ต้อง เลี้ยงดูทหารพันวันก็เพื่อใช้งานวันเดียว ในเมื่อพวกเขาเต็มใจที่จะอยู่ในตำหนักเทพ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเป็นคนรบนำหน้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์