เมื่อฟังเสียงนุ่มนิ่มไร้เดียงสาของเจ้าเด็กน้อย เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกปวดใจ รีบอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา
พูดเสียงละล่ำละลักว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของเสด็จพ่อเอง ทำให้เจ้ากับเสด็จแม่ของเจ้าลำบากแล้ว”
เสี่ยวหนานเฟิงเหยียดแขนที่ป้อมๆ ออกเหมือนดอกบัวบาน กอดแขนของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “ต้องโทษคนแก่ชั่วร้ายนั่น เด็จพ่อจะต้องล้างแค้นแทนพวกเรานะ”
ในชั่วพริบตา อินชิงเสวียนก็ออกมาเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว เสี่ยวหนานเฟิงที่ได้รับการบำรุงเลี้ยงจากน้ำพุวิญญาณ ย่อมเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์
แม้ว่าน้ำเสียงจะดูเด็ก แต่คำพูดก็ค่อนข้างชัดเจน ในหัวน้อยๆ ล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
เย่จิ่งอวี้ลูบหน้าเล็กๆ ของเขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จ้าวเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว เสต็จพ่อได้ล้างแค้นให้กับเจ้าแล้ว”
ดวงตาสีเข้มของเสี่ยวหนานเฟิงเบิกกว้าง
“จริงหรือ?”
เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “เสด็จพ่อจะโกหกเจ้าได้อย่างไร”
เสี่ยวหนานเฟิงมีความสุขมากจนขยับเท้าเล็กๆ กระโดดโลดเต้นเหมือนปลาตัวน้อย มือเล็กป้อมก็ปรบมืออย่างแรง
“ลูกรู้อยู่แล้ว เด็จพ่อเก่งกาจที่สุด”
เขาเม้มปากนุ่มๆ อีกครั้ง และหอมที่ใบหน้าเย่จิ่งอวี้หลายครั้งราวกับไก่จิกข้าว
“ลูกรักเด็จพ่อที่สุด~”
“เสด็จพ่อก็รักจ้าวเอ๋อร์เช่นกัน จากนี้ไปเสด็จพ่อจะไม่มีวันแยกจากจ้าวเอ๋อร์อีกแล้ว”
เย่จิ่งอวี้ได้อุ้มลูกชายที่ตัวหนักขึ้นมาก ทั้งชื่นใจทั้งรู้สึกผิด
ตั้งแต่จ้าวเอ๋อร์เกิดมา เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่กับจ้าวเอ๋อร์มากนัก เขารู้สึกละอายใจมากที่ได้เป็นพ่อ
“เด็จพ่อดีที่สุด เด็จพ่อเป็นเด็จพ่อที่ดีที่สุด~”
เสี่ยวหนานเฟิงมีความสุขมาก เขาจูบแก้มของเย่จิ่งอวี้ซ้ำๆ ปากเล็กๆ นั้นปากหวานปานน้ำผึ้ง
อินชิงเสวียนมองไปที่สองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม แต่เห็นเย่จิ่งหลานโบกมือ และพาหวังซุ่นออกจากที่พักหิน
ทันทีที่เย่จิ่งหลานพูดจบ เขาก็ได้ยินคนข้างหลังเขาตะโกน “คุณชายน้อยเย่?”
เย่จิ่งหลานหันขวับ เห็นฉางเฮิ่นเทียนยืนไกลๆ ทันที
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เป็นเจ้านั่นเอง ตอนนี้ผู้อาวุโสหันตายแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก”
ฉางเฮิ่นเทียนก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยว “พูดตามตรง ข้ายังถูกผู้อาวุโสหัน หลอกให้ขึ้นมาบนเขาเช่นกัน เดิมทีข้าอยากจะเรียนวรยุททธ์ขั้นพื้นฐานจากเจ้าสำนักฉุยเพื่อเสริมสร้างร่างกายของข้า แต่ไม่คาดคิดว่าจะขัดกับความปรารถนา ถูกผู้อาวุโสหันบีบบังคับให้ขึ้นเขา ถ้าเขาตายแล้ว ก็นับว่าข้าเป็นอิสระ”
“โอ้? เจ้าและผู้อาวุโสหันไม่ได้เป็นพวกเดียวกันหรือ” เย่จิ่งหลานถาม
ฉางเฮิ่นเทียนโค้งคำนับและพูดว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสหันตายแล้ว ข้ายังต้องไปตามหาเจ้าสำนักฉุย ถ้านางไม่เต็มใจที่จะรับข้าไว้ ข้าจะลงเขาไปแสวงหาความสุขให้กับตัวเอง”
เย่จิ่งหลานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและมองดูเขาเฉยๆ
ฉางเฮิ่นเทียนไอแห้งๆ และพูดว่า “ถ้าคุณชายขาดคนรับใช้ เช่นนั้นเฮิ่นเทียนก็เต็มใจติดตาม ขอแค่อาหารสามมื้อต่อวันก็เพียงพอแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...