สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1184

และในยามเที่ยงวันเดียวกัน

ห้องโถงจื่อชี่ตงไหล เหมยชิงเกอประกอบพิธีสืบทอดตำแหน่ง

ศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าห้องโถง ทุกคนแต่งกายด้วยชุดคลุมสีฟ้าอ่อน ให้อารมณ์เหมือนคนมารวมตัวกันเต้นแอโรบิกตอนเย็น

นอกจากนี้ ยังมีอาคันตุกะหลายคนจากตำหนักเทพ คนเหล่านี้ยืนรวมกลุ่มพูดคุยกัน รอการมาถึงของเหมยชิงเกอ

อินชิงเสวียนมาถึงด้านนอกห้องโถง ยืนในที่คนน้อยๆ นางสวมชุดกระโปรงแพรไหมสีเหลืองนวลเนื้อนิ่มพลิ้วไหว ทำให้ดูสง่างามและเรียบง่าย ผมของนางประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ เพียงไม่กี่ดอก แต่ก็ยังคงความงามบริสุทธิ์และโดดเด่น

เย่จิ่งอวี้อุ้มจ้าวเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน เดินอยู่เคียงข้างนาง ชุดคลุมสีเขียวเข้มทำให้เห็นถึงรูปร่างที่สมส่วน ไหล่กว้าง เอวคอด สูงยาว แม้เขาจะแค่ยืนนิ่งๆ ก็ยังดูสง่างามและมีชาติตระกูล

ส่วนข้างหลังพวกเขาคือเย่จั้นและอินหลี ซึ่งทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดสีขาว หนุ่มหล่อสาวงาม เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบเหมือนเทพเซียน

เมื่อถึงเวลาเที่ยง ระฆังใหญ่บนยอดห้องโถงก็ดังก้อง

เหล่าศิษย์แหวกทางออกเป็นสองฝ่ายทันที เหมยชิงเกอพร้อมด้วยฉุยอวี้และเฟิงอวิ๋นลี่ เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างช้าๆ

นางแต่งกายด้วยชุดสีแดงสด ดูเยือกเย็นและสง่างาม มีผ้าคลุมยาวไหวพลิ้วอยู่ด้านหลัง ราวกับฮ่องเต้เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ ทำให้ผู้คนรู้สึกเข้มขลังน่าเกรงขาม

เหมยชิงเกอสะบัดชายเสื้อคลุม แล้วเดินขึ้นบันได โดยถือตราประทับสูงสุดของตำหนักเทพในมือขวา

สายตาคมกริบกวาดไปทั่วใบหน้าของทุกคน พูดเสียงดัง “เจ้าตำหนักถูกผู้อาวุโสหันปักใจกลั่นแกล้ง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตได้มอบตราประทับตำหนักเทพแก่ข้า ข้าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของเจ้าตำหนัก นำพาทุกคนให้ชนะการประลองยุทธ์นี้ เปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ และศึกษาสมบัติภายในนั้นด้วยกัน!”

กระแสเสียงกังวานชัดเจนด้วยกำลังภายในดังขึ้น เสียงนั้นล่องลอยไปทุกมุมในห้องโถง

ศิษย์ทุกคนประสานมือคารวะทันที พูดพร้อมกัน “น้อมคำนับเจ้าตำหนักคนใหม่ ภายใต้การนำของเจ้าตำหนักคนใหม่ ตำหนักเทพจะมีรูปลักษณ์ใหม่ เจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!”

เหมยชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหันไม่เพียงแต่กักขังเจ้าตำหนักเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสหลักทั้งสี่คนก็ถูกผู้อาวุโสหันสังหารด้วย ตอนนี้เมื่อผู้อาวุโสหลักทั้งสี่ว่างแล้ว ข้าจึงตัดสินใจที่จะแต่งตั้งผู้อาวุโสหลักทั้งสี่ ทุกท่านท่านมีข้อสงสัยหรือไม่”

เหล่าศิษย์โค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ศิษย์ไม่กล้า”

ดวงตาของเหมยชิงเกอกวาดมองทุกคน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฉุยอวี้กับเฟิงอวิ๋นลี่ และฮั่วเทียนเฉิงต่างก็เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าตำหนัก สมควรได้รับหน้าที่อันสำคัญนี้ ฉุยอวี้เที่ยงตรงไม่ยอมอ่อนข้อต่อสิ่งที่ผิด ขอแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสคุมกฎ เป็นผู้ดูแลกฎระเบียบทั้งหมดในตำหนักเทพ เฟิงอวิ๋นลี่เป็นผู้อาวุโสยันต์แดง ซึ่งดูแลหอตำราสะสมของตำหนักเทพ รวมถึงหน้าที่หลักอย่างเช่นการสั่งสอนศิษย์ ฮั่วเทียนเฉิงเป็นผู้อาวุโสผู้พิทักษ์...”

ยังพูดไม่จบประโยคดี ก็มีร่างหนึ่งเหาะเข้ามาในห้องโถงหินราวกับผี

การเคลื่อนไหวของร่างนั้นรวดเร็วมาก ราวกับภาพติดตา ซัดฝ่ามือเข้าโจมตีเหมยชิงเกอ

ฉุยอวี้ เฟิงเอ้อร์เหนียง และฮั่วเทียนเฉิงต่างก็ตกตะลึง

“ศิษย์พี่ใหญ่!”

รูม่านตาของเหมยชิงเกอหดลงพลัน ใครกันที่บังอาจ กล้าโจมตีนาง?

ในชั่วพริบตา ชายคนนั้นก็ซัดฝ่ามือไปแล้วสองหน

เหมยชิงเกอโกรธจัด

“คนกล้าบ้าบิ่น ถึงขั้นกล้าบุกเข้ามาในตำหนักเทพ”

ถ้าวันนี้นางจับคนคนนี้ไม่ได้ ศักดิ์ศรีของนางต้องเสียหายแน่ๆ

ชายคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงของนางก็สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาที่ชัดเจนแต่เดิมก็สับสนทันที

“เหมยชิงเกอ เจ้าคือเหมยชิงเกอ เจ้ายังไม่ตายหรือ ทำไมเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่ ข้าคงเคยเห็นผีแน่ๆ ข้าเคยเห็นผี ข้าไม่กลัว ข้าไม่กลัวผี ข้าจะฆ่านังผีอย่างเจ้า”

คนพูดนั้นพูดจาเลอะเลือน ท่าทางบ้าๆ บอๆ กลิ่นอายบนร่างกายพลันวุ่นวายในทันที เส้นผมปลิวว่อนเนื่องจากกำลังภายในที่พลุ่งพล่านรุนแรง บดบังใบหน้า ทำให้คนมองเห็นรูปร่างหน้าตาได้อย่างชัดเจนได้ยาก

ทว่าฉุยอวี้ยังจำเสียงของบุคคลผู้นี้ได้

“หันเจิงหมิง เจ้าคือหันเจิงหมิงใช่ไหม”

“หันเจิงหมิงคือใคร รีบมาฆ่าผี ฆ่าผีผู้หญิงคนนี้!”

ชายคนนั้นพลางตะโกน พลางโจมตีเหมยชิงเกอ

“ศิษย์พี่ใหญ่!”

ฉุยอวี้ลงมือทันที แต่เหมยชิงเกอกลับตะโกนห้ามไว้

“ทุกคนอย่ายุ่ง ข้าจะจัดการเอง”

ศิษย์หลายร้อยคนยืนอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาคันตุกะในยุทธจักรจำนวนมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีอินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ด้วย เหมยชิงเกอไม่มีทางแพ้ในครั้งนี้แน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์