สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1188

เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างเคืองๆ “ทำไมเสวียนเอ๋อร์ถึงแสดงท่าทางเกรงใจข้าอยู่เรื่อย”

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ใครใช้ให้ข้าวาดรูปไม่เก่งล่ะ ไม่มีรูปเขาเก็บไว้เลย ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องรบกวนท่านหรอก ใช้เครื่องพิมพ์พิมพ์ออกมาเยอะๆ ทั้งสะดวกทั้งรวดเร็ว”

เย่จิ่งอวี้พูดแดกดัน “แบบนี้นี่เอง ข้าคิดว่าไม่มีใครแทนข้าได้เสียอีก”

ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนของอินชิงเสวียนกลอกไปมา เผยให้เห็นความเฉลียวฉลาดเหมือนแมว

“แน่นอนว่าไม่มีใครแทนท่านได้ ได้ยินมาว่าอาอวี้ของเราได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมในด้านหมากรุก ตัวอักษร การวาดภาพ และวรยุทธ์ ข้าอยากเห็นทักษะการวาดภาพของฮ่องเต้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร”

“ถ้าอย่างนั้นข้าต้องแสดงฝีมมือให้เต็มที่แล้ว”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มพร้อมกัยรับพู่กันมา และเริ่มวาดภาพบนกระดาษเซวียนจื่อ

หลังจากนั้นไม่นาน ภาพวาดที่ราวกับคนมีชีวิตจริงๆ ก็ปรากฏบนกระดาษ

เมื่ออินชิงเสวียนเห็นดังนั้น ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

นางเคยเห็นการสเก็ตช์ภาพในยุคปัจจุบัน แม้แต่นักเรียนศิลปะก็สามารถทำได้ แต่นางไม่เคยเห็นใครที่สามารถวาดภาพด้วยน้ำหมึกได้เทพขนาดนี้มาก่อน

แม้แต่ท่าทางสบายๆ ของเย่จิ่งหลานที่ปรากฏเป็นครั้งคราว ก็ยังถูกวาดออกมาอย่างสดใสและราวกับมีชีวิต

“เป็นอย่างไร”

เย่จิ่งอวี้วางพู่กันลง ใบหน้าแสดงความภาคภูมิใจเล็กน้อย

อินชิงเสวียนพยักหน้าซ้ำๆ

“เหมือน เหมือนมากจริงๆ เรากลับเข้ามิติไปพิมพ์ภาพไว้หลายๆ แผ่นกันเถอะ”

เย่จิ่งอวี้ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ให้ข้ารอเสวียนเอ๋อร์อยู่ในห้องเถอะ อยู่ที่ตำหนักเทพมาหลายวัน ยังไม่ได้พูดคุยกับเสวียนเอ๋อร์ให้เต็มที่เลย”

อินชิงเสวียนกัดริมฝีปาก ใบหน้าเริ่มแดงเถือก

คิดในใจว่า เขาอยากพูดคุยกับตัวเองงั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าอยากใกล้ชิด ดูพูดจาสวยหรูปกปิดความจริงที่เลวร้ายน่ะสิ

เย่จิ่งอวี้เดินอ้อมข้างหลังนาง แขนโอบรอบเอวของนาง

ดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดของอินชิงเสวียนออก กระซิบข้างหูนาง “ข้ากลัวรบกวนจ้าวเอ๋อร์ ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าจริงๆ”

กลิ่นหอมอันคุ้นเคยกรุ่นเข้าจมูก เพียงพริบตาก็เข้าครอบครองประสาทสัมผัสทั้งหมดของอินชิงเสวียน นางหดตัวคอ พูดอย่างงอนๆ “ท่านพูดเองนะ หากท่านทำเรื่องไม่ดี ข้าจะไม่ยกโทษให้ท่าน”

“ได้ ข้ารับปากเจ้าทุกอย่าง”

อินชิงเสวียนใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ จากนั้นก็เข้าไปในมิติ

เย่จิ่งอวี้เดินไปที่ประตู มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า และยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

ไม่ว่าเขาจะอยู่กับอินชิงเสวียนนานแค่ไหน เขาก็รู้สึกถึงความรักที่กำลังเบ่งบานอย่างเต็มที่อยู่เสมอ

สาวน้อยเป็นเหมือนผลงานชิ้นเอกในสมัยโบราณ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูใหม่อยู่เสมอ ทำให้รักจนตัดใจวางไม่ลง

ครั้นยินเสียงลมที่พัดผ่านยอดไม้ เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่อยู่ในตำหนักฉงหวู่ในวันนั้น ตอนที่เห็นขันทีตัวน้อยสวมหมวกเบี้ยวๆ ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนม้าขาววิ่งผ่านรูเล็กๆ เผลอแผล็บเดียว เพียงพริบตาเดียว ปีหนึ่งก็ล่วงเลยไปแล้ว

ช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ มีความน่าสนใจและน่าจดจำมากกว่าช่วงเวลาปียี่สิบปีที่ผ่านมาของเขาเสียอีก ทำให้รู้สึกอยากจะย้อนกลับไปสัมผัสอีกครั้ง

เขายกมุมปากขึ้นอีกครั้ง อำนาจบารมีแห่งฮ่องเต้ ในขณะนี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เวลานี้เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่รอภรรยากลับมา

ขณะที่เขากำลังจะกลับห้อง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าดังเข้ามาใกล้

เย่จิ่งอวี้เท้าเหยียบย่างก้าวเดินที่แปลกประหลาด ร่างนั้นก็กระโดดหลบไปได้หลายจั้ง

ร่างในชุดดำซัดฝ่ามือโจมตีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเพลิดเพลินใจทั้งหมด ได้หายไปในทันที

“ผู้มาคือใคร”

น้ำเสียงของเขาเย็นชา แววตาน่ากลัว

คนผู้นั้นไม่ตอบ และในชั่วพริบตาก็ซัดฝ่ามือโจมตีอีกนับสิบ

เย่จิ่งอวี้กระโดดหลบหลีก ร่างทั้งร่างดูเบาราวกับขนนก คนผู้นั้นไม่ได้แตะชายเสื้อผ้าของเขาเลยด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์