สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1195

สรุปบท บทที่ 1195 เข้าใจหลักแห่งเต๋าอย่างลึกซึ้ง: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1195 เข้าใจหลักแห่งเต๋าอย่างลึกซึ้ง – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 1195 เข้าใจหลักแห่งเต๋าอย่างลึกซึ้ง ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อฟังคำรักอันหวานซึ้งของฮ่องเต้หนุ่ม อินชิงเสวียนรู้สึกอ่อนหวานในใจ

“อาอวี้ ขอบคุณนะ”

เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะลง แล้วลูบปลายจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ

“เด็กโง่ เกรงใจข้าทำไม เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบพักผ่อนเร็วเถอะ”

เขานอนลงข้างๆ อินชิงเสวียน โอบหญิงสาวร่างบางไว้ในอ้อมแขน

อินชิงเสวียนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้เหมือนลูกแมว นางอ้าปากหาว

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะนอนจริงๆ แล้วนะ”

“นอนเถอะ พักผ่อนดีย่อมเป็นผลดีต่อลูก”

เย่จิ่งอวี้รออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ยินหญิงสาวพูดอะไรอีก ฟังเสียงลมหายใจอันสม่ำเสมอของนาง จึงรู้ว่านางผล็อยหลับไปแล้ว

เขาลูบหลังนางเบาๆ เหมือนลูบหลังเด็ก อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงรูปร่างหน้าตาของลูกสาวในอนาคต

คงผิวขาวราวไข่ปอกเหมือนนาง เฉลียวฉลาดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายแบบไหนจะคู่ควรกับลูกสาวที่รักของเขา

เมื่อนึกถึงว่าในอนาคตต้องส่งมอบลูกสาวที่เขาฟูมฟักเลี้ยงดูมานานหลายปีให้กับชายแปลกหน้าคนอื่น เย่จิ่งอวี้รู้สึกตงิดๆ ใจ

เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวแต่งงาน เว้นแต่อีกฝ่ายคือชายที่นางรักอย่างสุดซึ้ง ไม่งั้นใครก็อย่าคิดจะมาแหย็ม

หลังจากคิดฟุ้งซ่านอยู่พักหนึ่ง เขาก็หลับไปอย่างงุนงง

ราวๆ ตีหนึ่งถึงตีสาม เสียงกรีดร้องชนิดหนึ่งได้ทำลายความเงียบสงบของค่ำคืน

เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกัน ผุดลุกขึ้นนั่งทันที ไป๋เสวี่ยก็เห่าหลายครั้ง

เย่จิ่งอวี้ถกผ้าห่มผืนบางขึ้น และในพริบตาเขาก็มาถึงลานบ้าน

อินชิงเสวียนสวมเสื้อป้ายตัวใน แล้วรีบตามไปติดๆ

“มีอะไรหรือ”

“ไม่รู้สิ เหมือนมีคนกรีดร้อง”

ทันทีที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีก อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว

“อาอวี้ เราควรไปดูกันไหม”

“ได้”

เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในมิติ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงไม่กังวล ทั้งสองใช้วิชาตัวเบา พุ่งไปยังทิศทางที่มาของเสียงทันที

พวกเขาทั้งสองหยุดอยู่ที่สี่แยกของเมืองเล็ก ชาวยุทธ์สามคนที่เคยหาเรื่องเฉิงเฟิ่งโหลวเมื่อตอนกลางวัน ต่างนอนล้มกลิ้งอยู่กับพื้น แต่ละคนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก สภาพเหมือนคนตาย

“นี่คือ...”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะปิดจมูก กลิ่นคาวเลือดทำให้นางพะอืดพะอม

เย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ตรงหน้านางทันที บดบังสายตาให้นางอย่างใส่ใจ

“ถ้าเสวียนเอ๋อร์รู้สึกไม่สบาย ก็อย่าดูเลย พวกเขาล้วนเป็นคนไม่สำคัญอยู่แล้ว”

เล่าเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้อินชิงเสวียนทราบ อินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ดังนั้น สามคนนี้ก็สมควรตายแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นกรรมตามสนอง อาอวี้ กลับไปกันเถอะ”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า เอื้อมมืออุ้มอินชิงเสวียนขึ้นมา และกลับไปที่เรือนเล็ก ซึ่งขณะนี้ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีขาวเงินจางๆ แล้ว

อินชิงเสวียนยังคงง่วงนอน นางหาวสองครั้งติด

เย่จิ่งอวี้วางนางลงบนเตียงแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “เสวียนเอ๋อร์นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”

อินชิงเสวียนง่วงเกินกว่าจะลืมตาได้ ส่งเสียงอืมในลำคอ และกอดผ้าห่มหลับไป

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมา สัมผัสท้องน้อยของอินชิงเสวียนด้วยท่าทางหลงๆ อินชิงเสวียนพิงไหล่ของเขาอย่างคล้อยตาม และเพลิดเพลินกับเวลาที่เป็นของพวกเขาทั้งสองอย่างเงียบๆ

ณ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง

เฮ่อยวนก็ยืนอยู่ที่ประตูบ้านเช่นกัน เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวบนท้องฟ้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ ยากที่จะเข้าใจได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือเกิดจากมนุษย์

“เหตุใดท่านเจ้าเมืองจึงตื่นเช้านัก”

เสียงของฉีอวิ๋นจื่อดังมาจากด้านข้าง นางค้อมตัว ถืออ่างล้างหน้าไว้ในมือ น้ำเสียงยังแหบแห้งอยู่เช่นเดิม

เฮ่อยวนพูดอย่างเสียงเรียบ “นี่ก็สายแล้ว ป้าชุยไม่ต้องลำบาก ออกไปเถอะ”

ฉีอวิ๋นจื่อก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “อิ๋นเฉิงเพิ่งเปิดไม่นานมานี้ ฮูหยินก็ยุ่งมากทุกวัน แน่นอนว่าบ่าวต้องดูแลเจ้าเมือง”

นางแอบเหลือบมองเฮ่อยวน แล้วพูดว่า “บ่าวได้ยินมาว่า การประลองยุทธ์ระหว่างอิ๋นเฉิงกับตำหนักเทพใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน เจ้าเมืองควรพักผ่อนให้ดี ถึงจะรับมือกับการต่อสู้ในภายหน้าได้”

เฮ่อยวนมองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “อิ๋นเฉิงให้ความสำคัญกับความสงบสุขมาโดยตลอด การต่อสู้ครั้งนี้จะชนะหรือแพ้ ก็ไม่สำคัญ”

“แต่ถ้าเราแพ้ทาง ทางสู้วิถีแห่งสวรรค์มิต้องหายไปหรือ”

เฮ่อยวนหันขวับ สายตาแสงความไม่พอใจเล็กน้อย

“ดูเหมือนเจ้าจะสนใจทางสู่วิถีแห่งสวรรค์มากนะ?”

ฉีอวิ๋นจื่อรีบโค้งกายแล้วพูดว่า “บ่าวไม่กล้า บ่าวแค่รู้สึกว่าทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั้นเป็นของอิ๋นเฉิง ไม่ควรมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ”

เฮ่อยวนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาและพูดว่า “แค่ของบ้าๆ มีกี่คนต้องเสียชีวิตเพราะของแบบนั้น แค่เป็นเพียงสถานที่ลวงตา ไม่มีค่าเท่ากับชีวิตมนุษย์ด้วยซ้ำ”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ เขาก็เหาะออกไป และหายไปในพริบตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์