เมื่อฟังเสียงอ่อนโยนของลูกชาย ความกลัดกลุ้มในใจของอินชิงเสวียนก็หายไปทันที
“เจ้าเด็กน้อยอย่างเจ้า รู้จักวรยุทธ์ได้อย่างไร”
เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กป้อมออกมา เล่นกับผมของอินชิงเสวียน และพูดด้วยเสียงหวานๆ ว่า “เหมยเหนียงเหนียงฝึกวรยุทธ์ที่นี่บ่อยๆ ไม่ใช่หรอกหรือ ลูกก็รู้แล้ว”
อินชิงเสวียนเอียงศีรษะ แล้วถามอย่างสงสัย “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร ว่ารู้วรยุทธ์แล้วจะสามารถปกป้องแม่ได้”
เสี่ยวหนานเฟิงเงยหน้าเล็กๆ ของนางแล้วพูดว่า “เหมยเหนียงเหนียงเป็นคนบอกลูกเอง นางบอกว่าถ้ามีวรยุทธ์สุดยอด ก็สามารถปกป้องคนที่สำคัญที่สุดได้ นางยังบอกด้วยว่า คนที่สำคัญที่สุดสำหรับนางคือเสด็จแม่กับลูก”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของอินชิงเสวียนก็อ่อนลง
แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่มีแม่คนใดที่ไม่รักลูกสาว แต่ความรักของเหมยชิงเกอนั้นสุดโต่งเกินไปหน่อย
ไม่ว่าในจะพูดอย่างไร นางก็ไม่ไปจากเทือกเขาเชื่อมเมฆาอย่างเงียบๆ ได้ ถึงแม้จะอยู่ในฐานะคนรุ่นเยาว์ธรรมดา นางก็ควรจะกล่าวคำอำลาต่อหน้า
นอกจากนี้ สิ่งที่อาอวี้พูดก็สมเหตุสมผล
ไม่ว่าของเฮ่อยวนจะเป็นคนอย่างไร ก็เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีตัวตนอยู่ ตอนนี้เมื่ออยู่ที่นี่แล้ว ก็สู้ชี้แจงให้ชัดเจนเลยดีกว่า แล้วพวกเขาจะเลือกทางใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองทั้งหมด
หลังจากคิดถึงเหตุผลเหล่านี้แล้ว อินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งใจ
มองดูลูกชายแล้วถามว่า “ลูกจะเข้าร้านนั้นได้จริงๆ หรือ”
นางยังคงไม่เชื่อสิ่งที่เสี่ยวหนานเฟิงพูดมากนัก
เสี่ยวหนานเฟิงเตะน่องเล็กๆ ทันที กระโดดลงไปที่พื้น แล้ววิ่งเข้าไปในร้านค้าสะสมคะแนนของมิติอย่างเร่งรีบ
เมื่อมองไปที่ร่างเล็กๆ ที่หายไปที่ประตู อินชิงเสวียนก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจเล็กน้อย
เสี่ยวหนานเฟิงสามารถเข้าไปได้จริงๆ เป็นเพราะการอัปเกรดมิติงั้นหรือ
ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกตื่นเต้น นางหายตัวออกจากมิติ โบกมือไปทางเย่จิ่งอวี้ที่กำลังคุยกับเฉิงเฟิ่งโหลว
“อาอวี้ มานี่เร็ว!”
“เฟิ่งโหลว เจ้าไปอ่านหนังสือก่อน ที่นี่ไม่จำเป็นต้องอยู่รับใช้แล้ว”
เย่จิ่งอวี้ยังพูดไม่ทันขาดเสียง เขาก็มาถึงประตูห้องแล้ว
อินชิงเสวียนปิดประตูอย่างรวดเร็ว และพาเขาเข้าไปในมิติ
“อาอวี้ ท่านลองดูเร็ว ว่าเข้าร้านนั้นได้ไหม”
เย่จิ่งอวี้ไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีความกระตือรือร้นเพียงใด ก็เดินข้ามไปแต่โดยดี
เขาเคยเข้าไปในร้านมาก่อน แต่ถูกสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นจนกระเด้งกลับมา คราวนี้เขาคว้าที่จับประตูจริงๆ
เย่จิ่งอวี้เปิดประตูช้าๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งต่างๆ มากมายที่อยู่ภายใน
“นี่คือ...”
“นี่คือร้านค้าคะแนนสะสมที่ข้าพึ่งพาเพื่อความอยู่รอด ทุกสิ่งที่เราใช้ทั่วไป ล้วนมาจากที่นี่”
อินชิงเสวียนเข้ามาหาเย่จิ่งอวี้ ด้วยท่าทางที่ดูภูมิใจเล็กน้อย
“เมล็ดพืชในวันนั้น หนังสือที่ข้ามอบให้อาอวี้ และสูตรการรักษาโรคระบาดและดินปืนล้วนมาจากที่นี่”
เย่จิ่งอวี้เป็นเหมือนพจมานเขาเข้าไปในบ้านทรายทองเป็นครั้งแรก รู้สึกประหลาดใจมากจนอ้าปากค้าง
“นี่...มีสิ่งของมากมายเลย”
เย่จิ่งอวี้ยืนดูอยู่นาน สุดท้ายก็พูดได้เพียงประโยคนี้เท่านั้น
ในร้านเล็กๆ แห่งนี้ มีสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐานทั้งเสื้อผ้า อาหาร ของใช้ และการเดินทาง มีทุกสิ่งที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่เย่จิ่งอวี้ไม่รู้จักด้วย
“นี่...หรือว่าจะเป็นรถ?”
เย่จิ่งอวี้ชี้ไปที่รถจักรยานยนต์คาวาซากิสีดำคันใหญ่ แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
เขาเคยเห็นรถเข็นเด็กของอินชิงเสวียน แต่รถเข็นเด็กคันนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย มันมีเพียงสองล้อเท่านั้น
“อื้ม นี่เรียกว่ารถจักรยานยนต์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...