เย่จิ่งอวี้กล่าวชมทันที “นี่เป็นความคิดที่ดี”
“อื้ม ในยุคสมัยของข้ามีโครงสร้างเช่นนี้ด้วย”
จากนั้นอินชิงเสวียนก็เล่ากฎของห้องสมุดให้เย่จิ่งอวี้ฟังจนเขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ควรจะเป็นเช่นนี้ ช่วยแสวงหาความยุติธรรม งั้นก็ทำตามที่เสวียนเอ๋อร์พูดเถอะ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสี่ยวหนานเฟิงก็วิ่งไปถือหนังสือมาอีกสองเล่ม
“ลูกพบหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเลขหนึ่ง อีกเล่มมีเลขเก้าด้วย ในนั้นเป็นวรยุทธ์หมดเลย!”
อินชิงเสวียนก้มศีรษะลง ก็เห็นคำว่าดัชนีหนึ่งหยางและพลังวิเศษเก้าเอี้ยง นางก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“พวกนี้เป็นสมุดวาดรูปหลอกลวง ไม่ใช่วรยุทธ์ รีบเอามาให้แม่เร็ว”
เสี่ยวหนานเฟิงกอดหนังสือเหล่านี้ไว้ในอ้อมแขนแน่นทันที
พูดเบาๆ “เสด็จแม่ ลูกอยากดู”
จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ถึงอย่างไรก็เป็นหนังสือภาพ ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาดูเล่นๆ เถอะ”
อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็ใช่ เด็กตัวแค่นี้ จะสามารถเรียนรู้วรยุทธ์แบบไหนได้
นางลูบหัวของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาล่ะ งั้นแม่จะมอบหนังสือเหล่านี้ให้กับเจ้า”
เย่จิ่งอวี้กำชับมาอีกว่า “สามารถซื้อหนังสือในนั้นได้ แต่ไม่สามารถซื้อสิ่งอื่นได้ตามอำเภอใจ ไม่เช่นนั้นถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ คะแนนของแม่เจ้าจะเสียเปล่า”
เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...