กงซวินอวิ๋นเฟิ่งให้สาวใช้เก็บผลไม้ให้เสี่ยวหนานเฟิง และหาของเล่นบางอย่างที่เฮ่อฉางเฟิงเคยเล่นเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องโถงใหญ่
เฮ่อฉางเฟิงกำลังเล่าเรื่องที่อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้ต่อสู้กับชาวตงหลิวในเป่ยไห่ เฮ่อยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าซ้ำๆ เมื่อรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยมีการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ
ยังนับว่าโชคดีมากที่ลูกสาวถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลอิน ได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่โดดเด่นเช่นนี้
“คิดไม่ถึงว่าจะมีการต่อสู้ที่น่าสลดใจในเป่ยไห่ น่าเสียดายที่ในเวลานั้นอิ๋นเฉิงปิดผนึก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก โชคดีที่ฉางเฟิงหลบออกไปได้ ในที่สุดก็ทำดีเพื่อราษฎรแล้ว”
เย่จิ่งอวี้ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณพี่ชายที่ช่วยทำลายค่ายกลของตงหลิว ไม่เช่นนั้นอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก”
เฮ่อฉางเฟิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าแค่ออกแรงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่การทำงานที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนี้ เป็นความดีความชอบของน้องเล็กกับน้องเขยทั้งนั้น”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินเข้ามาจากประตู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้าโทษตัวเองมาโดยตลอด คงไม่ปิดผนึกอิ๋นเฉิง ทำให้พลาดหลายสิ่งหลายอย่าง ตอนนี้อิ๋นเฉิงเปิดแล้ว สามารถช่วยชาวบ้านได้เต็มที่ ก็นับว่าได้ชดเชยแล้ว ให้กินผลไม้ก่อน ประเดี๋ยวอาหารมื้อเย็นก็จะยกเข้ามาแล้ว”
อินชิงเสวียนหยิบผลไม้ที่ล้างแล้ว และพูดอย่างสุภาพ “ขอบคุณท่านน้ากงซวินเจ้าค่ะ”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับมือนางแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ถ้ากล่าวขอบคุณอีกก็เกรงใจเกินไปแล้ว จากนี้ไปนี่จะเป็นครอบครัวที่สองของเจ้า”
อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นในใจ
“ชิงเสวียนทราบแล้วเจ้าค่ะ”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งตบมือของนาง จากนั้นมองไปที่เสี่ยวหนานเฟิงในอ้อมแขนของเฮ่อยวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ พ่อของเจ้าใฝ่ฝันที่จะมีหลานชายมาหลายปีแล้ว ในที่สุดก็สมหวังเสียที”
เฮ่อยวนอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าและดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เหมือนทั้งชิงเสวียน เหมือนจิ่งอวี้ด้วย ในอนาคตเขาจะเป็นชายหนุ่มรูปหล่ออย่างแน่นอน”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งมองดูเด็กแล้วพูดว่า “ใช่แล้วล่ะ ดูสิคิ้วคางดวงตาดูเหมือนท่านหลายส่วนเลย”
“มีส่วนที่เหมือนข้าจริงๆ หรือ”
เฮ่อยวนรีบยกเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมองซ้ายขวาดูอย่างละเอียด
พอดูๆ ไป ก็รู้สึกว่าดูคล้ายกันบ้างเหมือนกัน
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงมาแล้ว
“ให้ท่านยายอุ้มด้วยนะ ยายเอาดาบไม้กับกระบี่ไม้ที่ลุงของเจ้าเล่นตอนเด็กๆ มาด้วย ไม่รู้ว่าหลานน้อยว่าของเราจะชอบไหม”
ทันใดนั้นเสี่ยวหนานเฟิงก็ถูกดึงดูดด้วยดาบเหล่านี้ที่ผูกด้วยผ้าไหมสีแดง ประดับด้วยไข่มุกและหยก และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับองุ่นสีดำ
“ชอบ~”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งวางเสี่ยวหนานเฟิงลงบนพื้น แล้วเอ่ยเตือนอย่างอ่อนโยนว่า “งั้นก็เล่นเถอะ ระวังด้วยนะ ประเดี๋ยวจะโดนตัวเองเอา”
จากนั้นก็ให้สาวใช้ทั้งสองช่วยดูอยู่ข้างๆ ในขณะที่ตัวนั่งพูดคุยกับคนอื่นๆ
แต่ได้ยินอินชิงเสวียนพูดว่า “ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเองสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับศิษย์พี่รองฉี จริงๆ แล้วนางยังไม่ตาย”
เฮ่อยวนตกตะลึงเล็กน้อย
“ฉีอวิ๋นจื่อยังไม่ตาย? ชิงเสวียนรู้ได้อย่างไร”
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด สาวใช้ก็ถือจานอาหารเข้ามา
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“เที่ยงแล้ว พวกเจ้าก็คงจะหิวเหมือนกัน เราไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องที่เหลือทีหลัง”
อินชิงเสวียนรีบไปช่วยยกจานเช่นกัน พอมีเรื่องแทรกขึ้นมาแบบนี้ ก็พูดคุยเรื่องเดิมต่อไม่ลงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...