“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนพูดรับปาก แต่ในใจนางค่อนข้างพูดไม่ออก
นานๆ จะได้วันหยุดสามวันในหนึ่งเดือน จะไม่ยอมให้ได้พักเลยหรือไร
ผู้ชายตัวโตที่มีมือมีเท้า แต่ต้องได้รับการปรนนิบัติช่วยถอดเสื้อผ้าแล้วพาเข้านอน เรียกได้ว่าไม่รู้จักดูแลชีวิตตัวเองเลยจริงๆ
ตำหนิมาตลอดทาง สุดท้ายก็กลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียน
ในตำหนักมีเพียงเสี่ยวฮว๋ายจื่อยืนอยู่ พร้อมกับขันทีน้อย คนอื่นๆ คงไปอาบน้ำกันหมดแล้ว
เสี่ยวฮว๋ายจื่อเหลือบมองอินชิงเสวียน และใช้หางตากวาดตามองเย่จิ่งอวี้ สายตาเอาแน่เอานอนไม่ได้
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางสิ่งในใจ เมื่อมองดูสายตาเช่นนี้ ดูคล้ายกับว่าไม่มีเจตนาที่ดี
หากว่าเขามีเจตนาไม่ดี ตัวเองควรทำอย่างไร?
ปล่อยให้เขาฆ่าเย่จิ่งอวี้ตาย หรือว่า...
ไม่มีหรือว่า
หากว่าเย่จิ่งเย่าขึ้นครองบัลลังก์ นางจะเป็นคนแรกที่ตาย
คนชั่วแบบนี้จะปล่อยนางไปได้อย่างไร
ระวังไว้คงดีที่สุด
เมื่อคิดดูอีกครั้ง ฝ่าบาทน่าจะรู้ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่อไม่คู่ควร ในเมื่อเขาไม่พูด ก็หมายความว่าเขามีแผนในใจแล้ว
อย่างไรเสียก็อย่าเอาปัญหามาใส่ตัวจะดีกว่า
ระหว่างที่ครุ่นคิด เสี่ยวฮว๋ายจื่อเดินเข้าไปในบ้านแล้ว
กล่าวด้วยน้ำเสียงสูง “ฝ่าบาท หลี่กงกงพาคนไปอาบน้ำแล้ว กระหม่อมและเสี่ยวเหลียงจื่อเข้าเวรอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงมีพระบัญชาอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของเย่จิ่งอวี้มองไปรอบตัวเขา พูดขึ้นเสียงเรียบ “พวกเข้าก็ออกไปกันเถอะ มีเพียงเสี่ยวเสวียนจื่อปรนนิบัติก็พอแล้ว”
เสี่ยวฮว๋ายจื่อพูดขึ้นอีกว่า “กระหม่อมต้มชาให้ฝ่าบาทแล้ว อุณหภูมิกำลังพอดีพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ เหยียดคอ และเสียงของเขาก็เบาลงเล็กน้อย
“ข้ารู้แล้ว เจ้าสองคนไปเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวฮว๋ายจื่อเหลือบมองเข้าไปด้านใน จึงออกไปพร้อมกับขันทีน้อยที่ชื่อว่าเสี่ยวเหลียงจื่อ
เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว ไป๋เสวี่ยกลับวิ่งเข้ามาจากด้านนอก เย่จิ่งอวี้หยอกหยันอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกเหนื่อย
จึงบอกกับอินชิงเสวียนว่า “นำมันกลับไปส่งที่ห้องโถงด้านข้างเถอะ”
“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนดึงหูของไป๋เสวี่ยอย่างรุนแรง และลากตัวมันออกไป
เมื่อถึงห้องโถงด้านข้าง จู่ๆ ไป๋เสวี่ยก็นั่งลงที่พื้นอย่างว่าง่าย มองมายังอินชิงเสวียนแล้วแลบลิ้นใหญ่ออกมา
“เจ้ากระหายน้ำอีกแล้วหรือ”
ไป๋เสวี่ยกระโดดขึ้นมาในทันที และกระโจนเข้าใส่อินชิงเสวียน เจ้าลูกหมาตัวเท่าลูกม้า อินชิงเสวียนรับแรงกระโจนของมันไหวได้อย่างไร จึงรีบหลบไปอีกทาง
“พอแล้ว รู้แล้ว เจ้าน่ารำคาญพอๆ กับเจ้านายของเจ้าเลยนะ”
นางเข้าไปในมิติ และตักน้ำพุวิญญาณออกมาหนึ่งกระถาง
ไป๋เสวี่ยตื่นเต้นดีใจ ไม่นานมันก็ดื่มจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็นั่งลงบนพื้น และโค้งคำนับอินชิงเสวียนด้วยอุ้งเท้าใหญ่ทั้งสองของมัน
“รีบนอนเถอะ ข้ายังต้องไปรับใช้เจ้านายที่น่ารำคาญคนนั้นอีก”
อินชิงเสวียนปิดประตู และเดินไปยังโถงหลัก แต่กลับถูกมือข้างหนึ่งดึงไปยังที่มืด
เมื่อคิดจะเปิดปาก ก็ถูกมือข้างนั้นปิดปากไว้
“ข้าเอง”
เสียงของเสี่ยวฮว๋ายจื่อดังขึ้นข้างหู
อินชิงเสวียนรีบผลักเขาออก ตำหนิเสียงต่ำ “เจ้าจะทำอะไร”
เสี่ยวฮว๋ายจื่อมองไปยังพระตำหนักหลัก พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เต๋อฝูไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาท คืนนี้เป็นโอกาสดีหายากทีเดียว”
สุดท้าย นางก็ทายถูก
แม้แต่นางก็ยังมองเจตนาออก เย่จิ่งอวี้จะไม่รู้งั้นหรือ
“เจ้าคงไม่วางยาในน้ำชาของฝ่าบาทหรอกนะ ข้าเตือนนะว่าเจ้าควรมีสติกว่านี้จะดีกว่า หากฝ่าบาทจัดการได้ง่ายขนาดนั้น ผู้ที่ขึ้นครองบัลลังก์คงถูกเปลี่ยนนานแล้ว”
สายตาของเสี่ยวฮว๋ายจื่อมีความบ้าคลั่งเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น และบัลลังก์ก็ควรจะเป็นของท่านอ๋อง หากไม่ใช่เพราะเย่จิ่งอวี้เข้าควบคุมพระราชวังอย่างกะทันหัน และได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ อันผิงอ๋องก็คงขึ้นครองบัลลังก์ไปนานแล้ว”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการของฝ่าบาทแล้วหรือ ในเมื่อเจ้าก็รู้ทุกอย่าง ยังคิดจะส่งตัวเองไปตายอีกหรือ”
เสี่ยวฮว๋ายจื่อพูดขึ้นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย “เสือยังงีบหลับได้ ในเมื่อเจ้าเป็นคนของท่านอ๋องและไทเฮา ก็ควรช่วยข้าสำเร็จแผนการใหญ่นี้สิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...