สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 125

อินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู ฟังบทเพลงนี้ด้วยความตกตะลึง

ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวโน้ต ความคุ้นเคยในใจก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น เศษความทรงจำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แวบขึ้นมาในใจ

ในศาลาหินอันสง่างาม สตรีนางหนึ่งสวมกระโปรงสีชมพูกำลังดีดพิณอยู่

บนราวระเบียงด้านข้าง มีชายรูปงามสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินนั่งอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของบุรุษถือกาหยกขาว มืออีกข้างถือถ้วยเหล้ากระเบื้องชั้นดี และดื่มด่ำช้าๆ เคล้ากับเสียงพิณ

ฟังไปครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ทำไมจึงบรรเลงเพลงเศร้าเช่นนี้ น้องสาวของข้าควรจะอารมณ์ดีมีรอยยิ้มอยู่เสมอ”

หญิงสาวใช้มือกดสายพิณไว้ เลือกคิ้วหัวเราะเบาๆ

“สิ่งที่น่าเศร้าโศกมักจดจำได้ยาวนาน สิ่งใดที่น่ารื่นเริงมากเกินไป มักจะจดจำได้ไม่ดีนัก”

ชายคนนั้นหัวเราะและถามติดตลกว่า “คิดถึงอันผิงอ๋องอีกแล้วใช่หรือไม่”

สตรีก้มศีรษะลงด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

ภาพความทรงจำนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกรอบรูป ในที่สุดอินชิงเสวียนก็เห็นหน้าสตรีคนนั้นอย่างชัดเจน และหน้าตาเหมือนกับตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว

น่าตกใจเล็กน้อย

สตรีคนนี้คือเจ้าของร่างเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย นางคือผู้แต่งเพลงความรู้สึกนี้ และบุรุษที่กำลังพูดกับนางก็น่าจะเป็นอินสิงอวิ๋น พี่ชายของนาง

อินชิงเสวียนได้พบกับครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมเป็นครั้งแรก ทั้งน่าประหลาดใจและใกล้ชิดสนิทสนม

นางอยากเห็นมันชัดเจนมากกว่านี้ แต่ภาพนั้นแตกกระจายราวกับกระจกและหายไปในทันที

“เสี่ยวเสวียนจื่อ!”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นจากด้านหน้า อินชิงเสวียนจึงได้สติกลับมา

โค้งคำนับเล็กน้อย “ฝ่าบาทมีพระบัญชาอันใดพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าคิดสิ่งใดอยู่”

เมื่อเห็นดางตาที่เหม่อลอยของอินชิงเสวียน จ้องไปยังสวีจือย่วน เย่จิ่งอวี้รู้สึกไม่สำราญใจขึ้นมา

กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะบ่าวตัวน้อยไม่มองตัวเอง หรือเพราะว่าเขากำลังมองสวีจือย่วน

อินชิงเสวียนค้อมตัวลงเล็กน้อยและพูดว่า “นายหญิงบรรเลงเพลงได้ไพเราะเสียจริง กระหม่อมเพลิดเพลินอยู่ในภวังค์เลยพ่ะย่ะค่ะ”

สวีจือย่วนกดนิ้วเรียวเล็กของนางลงบนสายพิณ มองที่อินชิงเสวียน พลางยิ้มเล็กน้อย “กงกงน้อยก็รู้จักสัมผัสทางดนตรีด้วยงั้นหรือ”

“กระหม่อมทำได้เพียงฟังเท่านั้น และไม่มากความสามารถเท่านายหญิงหรอกขอรับ”

อินชิงเสวียนพูดอย่างถ่อมตัว

แต่ในใจมีความรู้สึกว่า หากนางได้เล่นพิณนั้น ไม่แน่ว่านางอาจจะบรรเลงเพลงได้ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความทรงจำในร่างกายของเจ้าของร่างเดิม

สวีจือย่วนถอนหายใจเบาๆ

“เพียงแค่ฟังเป็น ก็หาได้ยากยิ่งแล้ว...”

ดูเหมือนนางยังมีสิ่งที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็เงียบปากไป

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองสวีจือย่วน พลางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดั่งคำที่ว่าเงินทองหาง่าย เพื่อนที่รู้ใจหายาก บทเพลงมีไว้สำหรับผู้ที่เข้าใจ ซึ่งมันจะมีความหมายมากขึ้น”

สวีจือย่วนก้มหน้าพูดว่า “ได้ยินว่าฝ่าบาททรงพระปรีชาด้านการ ดีดพิณ เล่นหมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพ ซึ่งเรียกว่าความสุดยอดทั้งห้า หม่อมฉันมีความสามารถเพียงน้อยนิด แสดงความสามารถต่อพระพักตร์ฝ่าบาทที่ทรงพระปรีชา ช่างเป็นที่หยามหยันของผู้ที่เชี่ยวชาญเสียจริงเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มอ่อนและพูดว่า “นั่นเป็นเพียงคำชมเชยสรรเสริญของผู้คน ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง”

อินชิงเสวียนถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ขอถามนายหญิง ใครคือผู้ประพันธ์บทเพลงนี้ขอรับ”

สวีจือย่วนส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ข้าได้ยินคนอื่นบรรเลงแล้วรู้สึกว่าไพเราะดี จึงลองเรียนดู”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะกำนิ้วแน่น และฝ่ามือชุ่มเหงื่อด้วยความตื่นเต้น

เจ้าของร่างเดิมเคยบรรเลงบทเพลงนี้ให้แก่พี่ชายฟังเท่านั้น เพราะพี่รองและท่านพ่อต่างเป็นนักรบ มีเพียงอินสิงอวิ๋นที่เข้าใจทำนองเพลง จากการคาดเดา สวีจือย่วนต้องรู้จักพี่ชายของนางแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์