ชาวยุทธ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเลือกใครมาคนหนึ่งก็ล้วนมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับหงายหลัง ล้มลงกับพื้นโดยที่เสียภาพลักษณ์ไปหมด
ลิ่นเซียวกระโดดขึ้นจากพื้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ”
เขาโคจรกำลังภายในร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือขวา ลมแรงที่พัดโหมอยู่รอบตัวนั้น กลายเป็นของแข็งขึ้นมาในทันที เกิดเป็นกระบี่ลมนับสิบเล่มที่ล้อมรอบแขนของเขา ราวกับรอคำสั่งจากเจ้าของ
เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์กระบี่ของใต้หล้า กำลังภายในของผู้อาวุโสลิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก ที่เขาพ่ายแพ้ในเมืองหลวงวันนั้น ก็ไม่นับว่าเสียหน้ามากนัก
การดำรงอยู่ของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ในวังเลย แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ในบรรดาชาวยุทธ์ที่เขาเคยเจอมา วรยุทธ์ของเฮ่อยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากที่สุด จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตำหนักเหมยได้รับการเลื่อนขั้นจากน้ำพุวิญญาณ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็เกรงว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลิ่นเซียว เจ้าสำนักเซี่ยวกับเจ้าตำหนักเหมยคงมีพลังสูสีกัน จากนั้นก็เป็นเฮ่ออวิ๋นทงเจ้าสำนักกระบี่สังหาร และผู้อาวุโสสวีแห่งสำนักเทียนหยวน...
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็เหลือบมองหญิงสาวที่กำลังเข้าไปช่วยประคองเหมยชิงเกอ
หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์ในยุทธภพไม่กี่เดือน สาวน้อยของเขาก็ก้าวหน้าไปมากเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่านางก้าวหน้าไปถึงขั้นใดแล้ว
นอกจากนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่เย่จิ่งอวี้ไม่สามารถมองเห็นความสามารถของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และนั่นคือนักพรตเต๋าเทียนชิง...
จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็เข้ามาใกล้ด้วยท่าทางซุกซน
“พี่ใหญ่ หากเทียบระหว่างท่านกับพวกเขา เป็นอย่างไรบ้าง”
จู่ๆ ความคิดของเย่จิ่งอวี้ก็หยุดลง เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสแนวหน้าของยุทธจักร ข้าจะไปเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร”
“ท่านอย่าถ่อมตัวนักเลย พี่ใหญ่มาคราวนี้ท่านมีการเปลี่ยนแปลงมาก คิดว่าคงได้อะไรมามาก กำลังภายในของท่านก็แตกต่างจากพวกเขาเช่นกัน เหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด ว่าอย่างไร อยากไปลองดูไหม”
เย่จิ่งหลานกล่าวขึ้น พลางมองขึ้นลงอย่างพิจารณา
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้พบกับเย่จิ่งอวี้อีกครั้ง เขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หากจะบอกว่าเมื่อก่อนเย่จิ่งอวี้เป็นเหมือนกระบี่ไม่มีฝัก ตอนนี้เขาเป็นเหมือนกระบี่โบราณที่ดูเรียบง่าย แต่ซ่อนพลังอันยิ่งใหญ่เอาไว้
ไร้คมไร้ความแวววาว มีรัศมีที่เก็บงำไว้อย่างลึกล้ำ ไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่างแท้จริง
เย่จิ่งอวี้ยกมือขึ้นเขกศีรษะเขาเบาๆ
“ขนาดคนมากมายยังทำไม่ได้ หรือเจ้าอยากเห็นพี่ใหญ่อับอายขายหน้าทุกคน”
เย่จิ่งหลานคลำศีรษะป้อย แล้วพูดว่า “อาจจะประสบความสำเร็จอย่างกะทันหันก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...