สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1309

อินชิงเสวียนพูดไม่ออก ส่วนเย่จิ่งหลานยกนิ้วกลางขึ้น เพื่อเห็นแก่หน้าเสด็จพี่ฮ่องเต้ เขากลืนคำว่า “เชี่ย” กลับคืน

เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกท้อแท้มากเช่นกัน เสียเวลาคาดหวัง เมื่อไม่มีสิ่งนั้น แล้วจะพูดอะไรที่ดูลึกลับซับซ้อนไปทำไม

เขาเกือบจะอยากจะแต่งเรื่องผีมาหลอกเฮ่อฉางเฟิงเดี๋ยวนั้นเลย

เฮ่อฉางเฟิงหันกลับมายิ้มแล้วพูดว่า “เราไม่จำเป็นต้องคิดมาก บันทึกอาจไม่จริง บางทีอาจเป็นปัญหาที่หินก้อนนี้ มีบางสิ่งที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้คน”

“เจ้ายอมเชื่อเรื่องหินเส็งเคร็งนั่น แต่ก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องผีงั้นหรือ”

หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบก็เอานิ้วก้อยสองนิ้วเกี่ยวมุมปาก ใช้นิ้วชี้ดันเปลือกตาล่างขึ้น แล้วทำหน้าผีหลอก

เฮ่อฉางเฟิงกระโดดกลับหลัง พูดตะกุกตะกัก “ไม่ควรโทษสิ่งลี้ลับ ผีซ่อนอยู่ในจิตใจมนุษย์ ข้าจะไปหาท่านพ่อก่อนล่ะ”

แล้วร่างนั้นก็หายวับไป เจออีกทีก็ลอยไปไกลแล้ว

เย่จิ่งหลานหัวเราะและพูดว่า “มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศขนาดนี้ เขาดูเหมือนผีมากกว่าผีซะอีก”

เย่จิ่งอวี้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เป็นคู่หูที่ดูสนุกสนานดี

“จิ่งหลาน อย่าก่อเรื่อง คนมีความกลัวเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วตอนเด็กข้าก็เคยกลัวผีเหมือนกัน พอเห็นเสด็จแม่ตาย ข้าก็นอนไม่หลับทั้งคืน”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตัวเองปลอมตัวเป็นขันทีน้อย เกือบถูกเย่จิ่งอวี้รัดคอตาย จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “แล้วตอนนี้ อาอวี้ยังกลัวอยู่หรือเปล่า”

เย่จิ่งอวี้ยิ้ม

“ข้าไม่กลัวแล้ว”

ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนมองเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“แบบนี้ อาอวี้ก็ไม่มีจุดอ่อนน่ะสิ”

“ไม่ใช่ ข้ามี”

“เอ๊ะ แล้วอะไร”

อินชิงเสวียนค่อนข้างสนใจใคร่รู้

เย่จิ่งอวี้งอนิ้วของเขา เขกที่หน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของนางเบาๆ

“ยังต้องถามอีกหรือ ต้องเป็นเจ้าอยู่แล้ว”

จู่ๆ เย่จิ่งหลานที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกจนปัญญา

เขาอยากจะควักตาของตัวเองออกมา นี่เขาไปแหกกฎสวรรค์ข้อไหนมา ถึงต้องมายืนดูคู่ผัวเมียรักใคร่กับแบบนี้ ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เขาคงหนีไปพร้อมกับเฮ่อฉางเฟิงแล้ว

ขณะที่กำลังจะหาเรื่องหลบไป ทันใดนั้นก็เห็นฉุยอวี้วิ่งเข้ามาในหุบเขา บนไหลเต็มไปด้วยเลือดจำนวนมาก

ทั้งสามมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่ฉุยอวี้พร้อมกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์