เลือดสีแดงไหลทะลุจากไหล่ของเขาทันที เจ้าสำนักเซี่ยวกัดฟัน ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว
เขาเป็นสัญลักษณ์ทางจิตใจของคนเหล่านี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทุกคนจะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างแน่นอน
ลำบากแค่ไหน เขาก็ต้องรอจนกว่าจะมีคนช่วย
เจ้าสำนักเซี่ยวกระตุ้นกำลังภายในอีกครั้ง ปล่อยปราณกระบี่หลายเล่มขึ้นไปบนท้องฟ้า
ปราณกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ดูเหมือนจะตัดรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า อากาศอันหนาวเย็นรุนแรง ก็พลันปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาในทันที
เงายืนอยู่บนยอดเขา มองดูเจ้าสำนักเซี่ยวอย่างเงียบงัน พร้อมกับความชื่นชมในดวงตาที่ราวกับควัน
บางทีเซี่ยอานซื่ออาจกล่าวถูกต้อง ไม่ว่าแคว้นใดก็ยังมีวีรบุรุษที่ควรค่าแก่การชื่นชม พวกเขาไม่ผิดเลย ผิดก็แต่เรื่องที่พวกเขาล้วนแต่เป็นชาวต้าโจว
เดิมทีเขาต้องการทรมานเจ้าสำนักเซี่ยวจนถึงขีดสุดที่จิตใจจะรับไหว แล้วค่อยไปปั่นป่วนสติของเขา และดูดซับกำลังภายในของเขามาเป็นของตน แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไป
เอาเถอะ จะอยู่หรือตาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต!
เขานึกในใจ ครั้งแล้วร่างเงานั้นก็ค่อยๆ หายไป สลายไปบนยอดเขาในที่สุด
ในขณะนี้เจ้าสำนักเซี่ยวถูกโจมตีด้วยกระบี่หลายเล่มอีกครั้ง บนอกราวกับว่ามีดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่เบ่งบานอยู่ ซึ่งน่าหวาดเสียวมาก
กลิ่นเลือดคละคลุ้งกระจายออกไปจนทุกคนได้กลิ่น เจ้าสำนักเซี่ยวถอดขวนน้ำเต้าบรรจุสุราขนาดใหญ่ออกจากเอว ดึงจุกไม้ออกมาด้วยฟัน และเทสุราทั้งหมดลงบนตัวเขาเอง
สิ่งที่อยู่ข้างในคือสุราที่แม่หนูอินชิงเสวียนมอบให้ไว้ ที่ผ่ายมาเขาดื่มอย่างประหยัด แต่เมื่อคิดว่าจะได้พบนางในไม่ช้า เขาจึงเทสุราที่เหลือทั้งหมดลงในน้ำเต้า
คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้จะได้ใช้มันเพื่อจุดประสงค์นี้ ช่างเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรจริงๆ!
เจ้าสำนักเซี่ยวหัวเราะอย่างขมขื่น คำรามลั่น ครั้นแล้วปราณกระบี่ก็เปลี่ยนเป็นขลุ่ยหยกที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขา คล้ายกับว่ามีคนกำลังเล่นมันอยู่ มันบรรเลงเป็นเสียงเพลงเศร้าครวญคร่ำ
จะรอดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิตโดยสิ้นเชิง
กระบี่ยาวแทงทะลุร่างกายของเขาไม่หยุด เจ้าสำนักเซี่ยวยังคงเล่นขลุ่ยต่อไป แววตาเริ่มตกอยู่ในห้วงภวังค์
ดูเหมือนเขาจะย้อนกลับไปในสมัยที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันที่เป่ยไห่ แม้ว่าจะมีศัตรูต่างแคว้นรุกราน แต่ก็ยังมีหลานชาย หลานสะใภ้ เหลนชาย และลูกสาวที่ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเป็นความอบอุ่นและความสุขที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งแม้แต่สหายเก่าแก่ของเขาก็ยังอิจฉา
เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงคำพูดจิกกัดของเฮ่ออวิ๋นทง เจ้าสำนักเซี่ยวอยากจะดื่มสักหลายๆ ขวด เพื่อไปอวดต่อหน้าพวกเขา
ช่างดีเหลือเกิน!
ไม่รู้ว่าจะมีวันแบบนี้อีกหรือไม่!
เจ้าสำนักเซี่ยวมองดูท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น จู่ๆ เมฆก็สลายไป หญิงสาวแสนสวยปานเทพธิดาก็ถือพิณโบราณเดินออกมาจากกลุ่มเมฆ
นางโค้งคำนับเขา พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านอาจารย์ เฟิ่งอี๋มารับท่านแล้ว...”
“เฟิ่งอี๋ เฟิ่งอี๋...”
ดวงตาทั้งคู่ของเจ้าสำนักเซี่ยวเบิกกว้าง เขายื่นมือออกไปหาผู้หญิงคนนั้น...
บนยอดเขาในระยะไกล อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ต่างก็หยุดชะงักพร้อมกัน
พวกเขาทั้งสองเคยเห็นปราณกระบี่มาก่อน ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจว่า ตำหนักเทพเป็นเจ้าของภูเขาลูกนั้นไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมีปราณกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้
หรือว่ามียอดฝีมือลึกลับฝึกกระบี่อยู่ที่นี่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...