อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้ามองจากมุมมองของสามีภรรยา เย่จิ่งอวี้ค่อนข้างไร้หัวใจจริงๆ แต่ไม่อาจมองจากมุมนี้เพียงอย่างเดียว แล้วไปปฏิเสธเรื่องผลงานการปกครองของเขา
เย่จิ่งอวี้ถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา ที่สามารถดูแลความกังวลและทนทุกข์ทรมานของประชาชนได้
เหตุผลที่เขาส่งเสี่ยวหนานเฟิงไปที่ตำหนักจินหวู่ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะไทเฮาแม่มดเฒ่าคนนั้น ถ้านางไม่ไปที่วังเย็น ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้ไม่เพียงแต่กล่าวหาว่าเย่จิ่งอวี้ไม่มีคุณธรรม แต่ยังทำให้อินชิงเสวียนพลอยเป็นกังวลไปด้วย
นางรู้ว่านางไม่สามารถจัดการกับไทเฮาได้ในขณะนี้ แต่ถ้านางต้องการให้ฝนตก ก็เป็นเรื่องง่ายๆ
ตอนนี้นางและเย่จิ่งอวี้เรียกได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเหมือนลิ้นกับฟัน หากราชวงศ์ของเขาถูกล้มล้าง นางและเสี่ยวหนานเฟิงจะไม่สามารถอยู่รอดได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ
หลังจากส่งแตงโมไปที่สนามฝึกแล้ว นางก็พาฉินเทียนและหลี่ชีกลับวัง
ณ ตำหนักจินหวู่
มีร่างหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วถามด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงประสงค์ให้กระหม่อมไปจับกุมคนเหล่านี้ที่แพร่ข่าวลือหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ไม่จำเป็น หากไม่มีใครไปเติมเชื้อไฟ ประชาชนไม่มีทางรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน หากพวกเจ้าลงมือ พวกเขาจะรู้สึกว่าข้าร้อนตัว ดังนั้นปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ”
ชายคนนั้นตอบด้วยความเคารพ “พ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้จิบชาแล้วถามว่า “ความไม่สงบในท้องถิ่นมีกี่เท่าใด”
“ตามรายงานจากสายลับทางนั้น พวกอันธพาลเหล่านี้มีเพียงไม่กี่สิบคน ไม่กี่ร้อยคน ไม่อาจก่อให้เกิดเรื่องบานปลายได้”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเงียบๆ “แค่ระงับไว้ก็พอ เว้นแต่ว่าจำเป็นจริงๆ ทางที่ดีห้ามทำร้ายผู้อื่น”
“กระหม่อมทราบแล้ว”
“ออกไปเถอะ”
แล้วร่างนั้นก็ลับหายไปในตำหนักจินหวู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...