เย่จิ่งอวี้อุ้มเด็กลุกขึ้นยืน ต้องสะกดลมหายใจอยู่ชั่วอึดใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวในจมูกถึงค่อยๆ บรรเทาลงไป
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า "เด็กตัวเล็กเท่านี้ เหตุใดถึงมีแรงมากเพียงนี้"
อินชิงเสวียนรีบหุบยิ้ม แล้วก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "ลูกชายของกระหม่อมกินเยอะตั้งแต่เด็ก คงเป็นเพราะกินมากจึงมีเรี่ยวแรงมากกระมัง"
เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด เก็บกำปั้นเล็กจ้อยนั้นกลับคืนทันที ชี้ที่จมูกที่เริ่มแดงเล็กน้อยของเย่จิ่งอวี้ แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้
ครั้นเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเด็ก เย่จิ่งอวี้ย่อมโกรธไม่ลง
เขายิ้มแล้วพูดว่า "ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกลัว"
อินชิงเสวียนคิดในใจ ในเมื่อไม่เป็นไร คราวหน้าต้องเล่นงานให้หนักขึ้นเลยนะ!
เมื่อได้ยินเสียงปลอบใจอันอ่อนโยนของเย่จิ่งอวี้ เสี่ยวหนานเฟิงก็เอาหน้าเล็กๆ แนบคางของเขาทันที แล้วเกลือกหน้าไปมาราวกับลูกสุนัข
อินชิงเสวียนกลอกตา ถูกปลอบแล้วหายง่ายๆ เพียงนี้ ไม่มีหลักการเอาเสียเลย!
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก
"ฝ่าบาท เสนาบดีกรมกลาโหมมาขอเข้าเฝ้าที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า
"ข้ารู้แล้ว"
อินชิงเสวียนรีบออกไปรับเสี่ยวหนานเฟิง
"ฝ่าบาทมีธุระก็เชิญรีบเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ
"อืม แล้วข้าจะกลับมาใหม่"
อินชิงเสวียนรีบเอ่ยขึ้นทันควัน "วันนี้ฝนตกหนักกว่าเมื่อวาน ฝ่าบาทไม่ควรมาจะดีกว่า โปรดระวังพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็แค่นเสียงเอ่ยว่า "เรื่องของข้า ไม่ต้องให้เจ้ามายุ่ง"
หลังจากพูดจบ เขาก็เปิดประตูเดินออกไป
หลี่เต๋อฝูเหลือบมองอินชิงเสวียนอย่างจนปัญญา ดูท่าว่านายหญิงแห่งวังเย็นยังคงมีความแค้นอยู่ หากต้องการคลี่คลาย คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาถอนหายใจ และรีบสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว
ข้างนอกฝนยังคงตกอยู่ ม่านฝนตกติดต่อกันหลายวัน มองไกลๆ ดูราวกับละอองหมอก
ณ วังจิ้งอาน
เสียงฝนพรำทำให้ลู่จิ้งเสียนหงุดหงิดงุ่นง่านใจ
"ฝนบ้าฝนบอ ทำไมถึงตกไม่หยุดสักที น่ารำคาญชะมัด"
ชุ่ยจู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า "พระสนมโปรดอดทนอีกหน่อยเถิด ฝนตกมาสองวันหนึ่งคืนแล้ว คงใกล้จะหยุดตกแล้ว"
ลู่จิ้งเสียนเตะตั่งไม้สีสวย พูดด้วยความเกลียดชัง "ไม่มีทีท่าว่าจะตกเบาลงดวยซ้ำ จะหยุดที่ไหนกัน ข้าอยากไปดูดาวมงคลนั่น แต่กลับไปไม่ได้ ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่างจริงๆ"
ชุ่ยจู๋คุกเข่าลงนวดขาให้นางทันที
"พระสนมโปรดระงับโทสะ เมื่ออากาศแจ่มใส พวกเราก็ตัดเย็บเสื้อผ้าชุดเล็กๆ และนำไปถวายฝ่าบาท ฝ่าบาทก็จะให้พระสนมไปดูเด็กแล้วเจ้าค่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้แววตาของลู่จิ้งเสียนพลันสว่างวาบ พูดอย่างยินดี "ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล รีบเรียกนางกำนัลที่ทำงานเย็บปักได้เข้ามาเร็ว"
ซึ่งนายหญิงของตำหนักอื่นก็มีความคิดเช่นเดียวกับนาง
เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้รับดาวมงคลเข้ามา ทั้งหมดล้วนคิดที่จะอาศัยเด็กใช้แย่งชิงความโปรดปราน และบังเอิญวว่ามีฝนตกในช่วงสองวันที่ผ่านมา ดังนั้นทุกคนจึงรวมตัวกันเพื่อตัดเย็บอาภรณ์ให้ดาวมงคล ไม่แน่ว่าหากมีผู้ใดทำได้ดี ก็อาจถูกต้องตาต้องใจจากฮ่องเต้ได้ทันที บางทีอาจจะได้รับความโปรดปรานก็เป็นได้!
ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวาย สวีจือย่วนกลับนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเฉยเมย
นางสวมเสื้อป้ายตัวในสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าปราศจากเครื่องประทินโฉมใดๆ ดวงตาอันเลื่อนลอยเจือแววซึมเซียวเล็กน้อย
หานปิงถือผ้ารองชามน้ำขิงเข้ามา
"นายหญิง ท่านต้องไอเย็น ดื่มน้ำขิงหน่อยเถิด"
สวีจือย่วนผลักชามออกไป พูดอย่างเฉยเมย "ไม่ต้อง ข้าไม่อยากดื่ม"
"ถ้าไม่ดื่มร่างกายจะดีขึ้นได้อย่างไร นายหญิงอยากพบพระสนมอินไม่ใช่หรือเจ้าคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...