บทที่ 154 ถนอมตัวให้ดี รอวันพบกันอีกครา – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 154 ถนอมตัวให้ดี รอวันพบกันอีกครา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยผุดขึ้นมาจากใจ อินชิงเสวียนเกือบจะอุทานออกมา
ร่างนี้เป็นพี่ชายใหญ่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างแน่นอน
อินสิงอวิ๋นยังไม่ตายจริงๆ เขายังอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ!
อินชิงเสวียนดึงบังเหียนม้าอย่างตื่นเต้น จับท้องของม้าแล้วไล่ตามร่างนั้นไป
หลังจากไล่ตามจนมาถึงตรอกเล็กๆ ก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลัง
ความเงียบงันในบรรยากาศทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
นางไม่ควรแยกจากฉินเทียนและหลี่ชีจริงๆ ถ้าเกิดมีคนวางแผนลอบทำร้ายจะทำอย่างไร
แล้วจึงเร่งควบม้าออกจากตรอกทันที แต่ได้ยินผู้ใดบางคนตะโกนด้วยความประหลาดใจ "เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!"
เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นกวนเซี่ยวทันทีที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน
ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระโดดลงจากหลังม้าแล้วพูดว่า "คุณชายน้อยกวน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
ขณะที่กวนเซี่ยวกำลังจะพูดตอบ จู่ๆ ก็มีหญิงผู้หนึ่งปรากฏตัวที่ประตูหลัง และยื่นมือออกไปจับเขา
"คุณชายกวน ท่านจะออกไปแล้วรึ"
ทันใดนั้นใบหน้าของกวนเซี่ยวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง รีบผลักนางออกไป
"ไม่ต้องพูดแล้ว รีบเข้าไป"
เมื่อเห็นเขายัดหญิงผู้นั้นกลับเข้าไปในประตูเหมือนขยะ อินชิงเสวียนก็เข้าใจทันทีว่านี่คือหลังเรือนของเรือนใดสักเรือน จิ๊ๆ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มเจ้าสำราญนี่เอง
กวนเซี่ยวลูบจมูก แล้วพูดด้วยสีหน้าเขินอาย "ข้า...ความจริงข้ามาที่นี่เพื่อท่องบทกวี"
อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า "ท่องบทกวีเป็นเรื่องดี บทกวี บทเพลง และความรักวัยหนุ่มสาว นี่ถึงจะเรียกว่าธรรมชาติที่แท้จริงของบุรุษกระมัง"
กวนเซี่ยวยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ประกบมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า "อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านปู่ข้านะ ไม่เช่นนั้นเขาจะตีข้าตายแน่ๆ"
"ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้ายังมีงานที่ต้องทำ หากวันหน้ามีเวลาว่าง จะไปเยี่ยมถึงจวนแน่นอน ลาก่อน"
อินชิงเสวียนก้าวไปสองก้าว แล้วหันกลับมาถามว่า "ไม่ทราบว่าอาการปวดศีรษะของจอมพลเฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ายาหมด สามารถส่งข่าวไปที่วังได้เลย"
กวนเซี่ยวพูดด้วยสีหน้าซาบซึ้ง "ขอบคุณมากเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมาก ช่วงนี้ท่านปู่สบายดี หากจำเป็น ข้าจะไปหาเจ้าเอง"
"ได้ เช่นนั้นก็ลาก่อน"
อินชิงเสวียนกลัวว่าฉินเทียนและหลี่ชีจะหานางไม่พบ ดังนั้นจึงรีบออกจากตรอก
กวนเซี่ยวมองไปยังทิศทางที่นางจากไป โดยปราศจากร่องรอยความลำบากใจบนใบหน้า และสีหน้าของเขาก็สงบราวกับน้ำ
เขายืนอยู่ในตรอกสักพักแล้วรีบออกไป
ณ เรือนจุ้ยหง
ในห้องเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง มีนักดื่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
แสงในห้องมืดสลัว แต่ยังคงมองเห็นแผ่นหลังอันผึ่งผายกำยำ รวมถึงเค้าหน้าอันหล่อเหลาของบุรุษผู้นั้นได้ชัดเจน เขาถือจอกสุราในมือ แล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่ๆ อากัปกิริยาของเขาให้ความรู้สึกอิสระสบายใจประหนึ่งจอมยุทธ์
ที่ประตูห้อง มีสตรีร่างอ่อนหวานแช่มช้อยสวมผ้าโปร่งสีดำยืนอยู่ผู้หนึ่ง ส่วนใบหน้าก็คลุมด้วยผ้าโปร่งอีกผืน คลุมเครือจนมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
สตรีผู้นั้นมองเขาอย่างเทิดทูน แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "นายท่านต้องการเข้าไปในวังหรือไม่"
บุรุษผู้นั้นพูดเสียงเรียบ "ไม่จำเป็น ข้ารู้ว่านางยังไม่ตายก็พอแล้ว"
สตรีผู้นั้นกัดริมฝีปากแล้วถามว่า "นายท่านมีแผนจะกลับเมื่อใด"
ร่างของบุรุษผู้นั้นแวบหาย และมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของนางพลัน นิ้วเรียวกำอยู่บนลำคอของสตรีผู้นั้นอย่างแม่นยำและรุนแรง
"ใครมอบความกล้าขนาดนั้นให้เจ้า ถึงกับกล้าถามถึงเรื่องของข้า"
สตรีผู้นั้นถูกบีบอย่างแรงจนตัวสั่นไปหมด รีบคว้านิ้วที่เหมือนคีมเหล็กนั้นทันที แล้วพูดด้วยความพยายามอย่างยิ่งว่า "ข้าน้อยล่วงเกินท่านแล้ว ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว นายท่านโปรดยกโทษให้ด้วย"
บุรุษผู้นั้นมองนางอย่างเย็นชา แล้วโยนผู้หญิงคนนั้นออกไปอีกด้าน น้ำเสียงเย็นชาของเขากลับมาสงบดังเดิม
"ออกไปเถอะ ข้าขอนั่งอยู่คนเดียวสักพัก"
"เจ้าค่ะ"
สวีเหลียงตบต้นขาอย่างอดไม่ได้ "เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าสามารถตั้งค่ายกลเช่นนั้นได้ อย่าว่าแต่ทหารม้าเลย แม้แต่เทพเซียนก็ยังจู่โจมได้ยาก"
จังเถี่ยยังพูดด้วยความตื่นเต้น "ถูกต้อง เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะจริงๆ แล้ว"
อินชิงเสวียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน นี่เป็นเพียงการป้องกันเท่านั้น วันนั้นฝ่าบาทสั่งให้ส่งกองทัพออกไปภายหลังจากนั้นอีกสิบวัน ตอนนี้พวกเจ้าจึงมีเวลาเหลือเพียงไม่ถึงห้าวันเท่านั้น จะต้องฉวยโอกาสไว้ให้มั่น หากชนะศึกนี้ จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งแน่นอน"
ทั้งสองพูดพร้อมกัน "พวกเราจะเร่งมือ หมั่นฝึกซ้อมอย่างแน่นอน"
"งั้นไปเถอะ ข้าจะไปดูที่ห้องครัวหน่อย"
อินชิงเสวียนให้ทั้งสองคนออกไป แล้วตัวเองก็เข้าไปในห้องครัวตามลำพัง นางมองไปรอบๆ แล้วรีบหยิบผ้าฝ้ายชั้นดีผืนนั้นออกมา
เห็นในนั้นมีอักษรเขียนไว้ด้วบลายมือทรงพลังว่า
‘ถนอมตัวให้ดี รอวันพบกันอีกครา!’
ความรู้สึกคุ้นเคยเกิดขึ้นในหัวอีกครั้ง อินชิงเสวียนตัวสั่นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ นี่เป็นลายมือของอินสิงอวิ๋นจริงๆ
เมื่อเห็นว่าอีกด้านของผ้าไม่ได้เขียนอะไรไว้อีก อินชิงเสวียนก็รีบหยิบตะบันไฟออกมา แล้วจัดการจุดผ้าฝ้ายสีขาว แล้วโยนมันลงในเตาไฟ นางรอจนกระทั่งผ้าฝ้ายทั้งหมดถูกเผาเหลือแต่เถ้า แล้วจึงออกจากห้องไฟ
แม้ว่าดวงอาทิตย์ภายนอกจะส่องแสงเจิดจ้า แต่หัวใจของอินชิงเสวียนกลับรู้สึกเหมือนถูกหินกดทับไว้ ให้รู้สึกกดดัน
ในเมื่ออินสิงอวิ๋นจำตัวเองได้แล้ว แล้วเหตุใดเขาไม่มาพบตัวเองล่ะ
หรือว่าเขาไม่กล้า หรือกลัวโดนจับ?
แล้วตัวเองจะติดต่อเขาได้อย่างไร
ยิ่งอินชิงเสวียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งวุนวายใจมากขึ้นเท่านั้น และเดินไปที่เรือนทรมานโดยไม่รู้ตัว
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฆ้องดังขึ้น
อินชิงเสวียนจึงต้องเดินออกไปนอกลาน
"เกิดอะไรขึ้น"
ฉินเทียนพูดอย่างตื่นเต้น "ดูเหมือนว่าท่านอ๋องสิบสามจะกลับมาแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...