“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”
อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสีย
ฟางรั่วพยักหน้า
“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”
อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหว
อินชิงเสวียนยิ้มละไม
“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”
“เพคะ”
ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้ว
เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน
“ทำได้ดีมาก!”
ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ
“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรียนในโรงเรียนสอนการต่อสู้”
อินชิงเสวียนมองไปที่หลิวซู่เยว่ มีป้ายเขียนไว้ด้านหลังนางว่าสาม ซึ่งน่าจะแสดงถึงอันดับของนาง
“เป็นต้นกล้าที่ดีจริงๆ “
ในขณะที่กำลังพูด ผู้หญิงอีกคนก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นสูง ผู้หญิงคนนี้สูงเกือบแปดจั้ง ใบหน้าดำทะมึนราวกับก้นหม้อ ท่าทางดุดัน ทว่าวาจาที่เปล่งออกมาช่างอ่อนหวาน ประกบมือคำนับไปยังด้านล่างของแท่นประลอง พูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “ผู้ทดสอบการต่อสู้หวยโจวนามว่าเฉินเซียงเยว่ ขอคำนับผู้ตรวจสอบทุกท่าน”
ทุกคนในกลุ่มผู้ชมต่างอุทานด้วยความตกใจ มีกลิ่นหอมและเหมือนดวงจันทร์ดั่งชื่อที่ไหนกัน เหมือนกับปีศาจหญิงที่คลานออกมาจากนรกมากกว่า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ผู้ตรวจสอบการต่อสู้หลายคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จอมพลกวนตบพนักแขนบนเก้าอี้ แล้วพูดด้วยความโกรธ “มัวมองอะไรอยู่ ยังไม่รีบประการชื่อคู่ต่อสู้ของนางอีก”
จากนั้นเขาก็หันไปหาเฉินเซียงเยว่ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “วีรบุรุษไม่สนใจชาติกำเนิด แม้แต่ความอัปลักษณ์ก็สามารถมีคุณธรรมได้ ความงามของคนไม่ได้อยู่ที่เปลือกนอกเสมอไป แต่อยู่ที่ภายใน พวกเจ้าอย่าสายตาคับแคบ เหมือนกบในกะลา!”
เมื่อจอมพลเฒ่าพูด ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร รีบหาคู่ต่อสู้ให้เฉินเซียงเยว่อย่างรวดเร็ว
เฉินเซียงเยว่รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง คุกเข่าลงต่อหน้าจอมพลเฒ่า
“ถ้อยคำของท่านจอมพล เซียงเยว่จะจดจำให้ขึ้นใจ หากโชคดีพอที่จะเข้าสู่สามอันดับแรก จะรั้งอยู่ในเมืองหลวง ตอบแทนพระเมตตาของฝ่าบาท!”
ครั้นได้ยินเช่นนี้เลือดของอินชิงเสวียนก็เดือดพล่าน สมแล้วที่เป็นจอมพลเฒ่า เลือดข้นคนจริง นี่แหละคือลักษณะเสาหลักของบ้านเมือง
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะเป็นคนที่ชอบหน้าตา แต่ก็รู้ดีว่ามนุษย์ไม่ควรถูกกำหนดด้วยความสวยหรือขี้เหร่ มีผู้มีชื่อเสียงมากมายในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับความสำคัญเนื่องจากรูปร่างหน้าตา นางจะไม่เป็นคนไร้สติปัญญาแบบนั้นแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...