สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 171

สรุปบท บทที่ 171 ข้าไม่มีทางไม่ชอบเจ้า: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

บทที่ 171 ข้าไม่มีทางไม่ชอบเจ้า – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 171 ข้าไม่มีทางไม่ชอบเจ้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงคำพูดของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขาพอเข้าใจที่พระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูก อย่างไรเสียพวกนางเหล่านี้มักออกอุบายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่เมื่อพวกนางมาตามคำสั่งของไทเฮา เย่จิ่งอวี้จึงอดคิดมากไม่ได้

เมื่อเห็นฝ่าบาทนิ่งเงียบไม่พูดจา หลี่เต๋อฝูค้อมเอวลงและถามว่า "ฝ่าบาท ต้องการพบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"

เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น "ให้พวกนางเข้ามาทั้งหมด"

ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ช้าก่อน เรียกเสี่ยวเสวียนจื่อเข้ามาก่อน"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลี่เต๋อฝูรีบส่งคนไปยังตำหนักจินหวูทันที พร้อมกับให้เหล่าพระสนมแต่ละตำหนักรออยู่ด้านนอกก่อนครู่หนึ่ง

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกร้อนเกินไป นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบฝ่าบาท ดังนั้นจึงต้องคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไว้

ลู่จิ้งเสียนหยิบกระจกเล็กๆ ออกมา และหยิบลิปสติกออกมาเติมหน้าให้ตัวเอง

ซูฉ่ายเวยก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า จึงตบแป้งคุชชั่นอีกชั้นหนึ่งให้ตัวเอง ทำให้คิ้วดอกท้อของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามยิ่งขึ้น

เพื่อที่จะรักษาดอกท้อสีทองแห่งความโชคดีนี้ไว้ นางล้างหน้าอย่างระมัดระวังทุกวัน เพราะกลัวสัมผัสโดนมัน ลู่จิ้งเสียนหันกลับไปและบังเอิญเห็นเข้า จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาอีกครั้ง

นังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ไปเอาดอกท้อที่สวยงามเช่นนี้มาจากไหน นางเพียงมองดูเสื้อผ้าอาภรณ์ก่อนและไม่ได้สนใจมันมากนัก รอให้จบเรื่องในวันนี้ก่อน นางจะให้ชุ่ยจู๋ไปแงะดอกท้อของนางออกมาเสียให้ได้

ขณะนี้ ขันทีน้อยได้มาถึงยังตำหนักจินหวูแล้ว

อินชิงเสวียนยังคงนอนหลับอยู่ การนอนหลับต่อของนางจึงสบายเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ฝันเห็นเสี่ยวหนานเฟิงเติบโตขึ้นแล้ว และกลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและสง่างาม

เขาโบกมือมาที่ตัวเอง และตะโกนเรียกว่าแม่

อินชิงเสวียนเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น กลับพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเย่จิ่งอวี้เป็นอย่างมาก จึงทำให้นางสะดุ้งตื่นในทันที

แต่ยังไม่ทันได้สติดี อวิ๋นฉ่ายก็เดินเข้ามาจากด้านนอก

พูดเสียงเบาว่า "พระสนม ฝ่าบาทเรียกท่านไปพบเจ้าค่ะ บอกว่าพระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ดาวมงคลน้อยของพวกเรา จึงอยากให้ท่านเข้าไปดูเจ้าค่ะ"

อินชิงเสวียนลุกขึ้นจากเตียงด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง นางใช้เวลานานในการทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

"เร็ว รีบทำผมให้ข้า"

"เจ้าค่ะ"

อวิ๋นฉ่ายรีบหยิบหวีไม้เล็กๆ ออกมา เมื่อหวีผมให้อินชิงเสวียนเสร็จเรียบร้อย จึงใช้ปิ่นสีเงินมวยผมให้ จากนั้นก็สวมหมวกขันทีให้แก่นาง

อินชิงเสวียนก็รีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

"ไม่มีอะไรผิดปกติใช่หรือไม่?"

อวิ๋นฉ่ายมองไปรอบ ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่มีเจ้าค่ะ ท่านยังคงเป็นเสี่ยวเสวียนจื่อที่สง่างามอ่อนโยน และรูปงามไม่ธรรมดาเจ้าค่ะ"

อินชิงเสวียนดีดหน้าผากของนาง ยิ้มและพูดขึ้น "อยู่กับเสี่ยวอานจื่อไม่กี่วัน ปากน้อยๆ ของเจ้าเริ่มพูดเก่งขึ้นแล้วนะ"

อวิ๋นฉ่ายเม้มริมฝีปาก ยิ้มแล้วพูดว่า "ใช่ที่ไหนเจ้าคะ เรื่องพวกนี้พระสนมสอนไว้ดีเจ้าค่ะ"

"เอาล่ะ ไม่มัวโม้กับเจ้าแล้ว ข้าขอไปดูก่อน"

อินชิงเสวียนรีบเดินไปยังห้องหนังสือ เมื่อมองจากด้านหน้าไกลๆ ก็เห็นพระสนมนางกำนัลยืนเป็นกลุ่มสีฟ้าเขียวเหลืองแดง สีสันแบบนั้นช่างสดใหม่เสียจริง

เมื่อมองดูคร่าวๆ มีประมาณสามสิบคน เย่จิ่งอวี้ช่างมีวาสนาทางความรักจริงๆ หนึ่งเดือนครบวันละหนึ่งคนพอดี

นางเบียดเข้าพื้นที่ว่างและเดินเข้าไปในห้องหนังสือ ตอนที่เดินผ่านซูฉ่ายเวย ทั้งสองก็สบตากันทันทีทำให้พระสนมคนอื่นๆ อิจฉามาก

นี่คือขันทีน้อยที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมากที่สุด ความโปรดปรานของพระองค์ไม่น้อยไปกว่าหลี่เต๋อฝูผู้ติดตามฝ่าบาท ซูฉ่ายเวยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แน่นอนว่าย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

อินชิงเสวียนก็หันไปพยักหน้าให้สวีจือย่วน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางควรจะได้เป็นนางสนมในวันนี้

เมื่อนึกถึงความรู้สึกของนางที่มีต่อพี่ใหญ่ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจอีกครั้ง

เมื่อเข้าสู่ประตูวังก็ลึกดั่งท้องทะเล แม้นางและอินสิงอวิ๋นจะรักกันจนฟ้าถล่มดินทลาย ก็ไม่อาจเดินออกจากเมืองแห่งนี้ได้!

และเมื่อนึกถึงดีนกยูงที่หมอหลวงกล่าวถึง ในใจก็รู้สึกหดหู่อีกครั้ง หวังว่าจะมีเหตุผลอื่นในเรื่องนี้ และจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินอีก

ทุกคนจับเสื้อผ้าของตนและคุกเข่าพร้อมกัน

"กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"

เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ "ลุกขึ้นกันเถอะ"

คนส่วนมากเพิ่งได้ยินเสียงของฝ่าบาทเป็นครั้งแรก แขนทั้งสองข้างจึงสั่นอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทั้งหมดต่างยืนก้มหน้าด้วยความอาย

เมื่อเห็นท่าทางของพวกนาง อินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

น่าเศร้า ช่างน่าเศร้าเสียจริง!

ผู้หญิงคนหนึ่งเดิมพันทั้งชีวิตไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่านางจะชนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าความโปรดปรานเช่นนี้จะคงอยู่ตลอดชีวิตของนาง ทันทีที่นางได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา ทุกคนจะต้องอยากเหยียบย่ำอย่างแน่นอน

นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันในวัง

แม้ว่าเขาจะยกตำแหน่งให้ภายหลัง แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น หากต้องการความจริงใจของฝ่าบาท เรียกได้ว่าเป็นเพียงความเพ้อฝัน

นางก็เคยดูละครการต่อสู้แย่งชิงในวัง และรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถและมันสมองเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนเป้าหมายมานานแล้ว และโชคดีที่นางมีสติมากพอ มิฉะนั้นตอนนี้นางคงเป็นหนึ่งในพวกนางเหล่านี้แล้ว

ในระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงของเย่จิ่งอวี้พูดขึ้น "นำเสื้อผ้าที่พวกเจ้าตัดเย็บออกมาสิ ให้ข้าได้ดูหน่อย"

ซูฉ่ายเวยรีบหยิบเสื้อผ้าตัวน้อยที่ไว้ในอ้อมอกออกมา

"นี่คือเสื้อและร้องเท้าเล็กๆ ที่กระหม่อมตัดเย็บเพื่อดาวมงคลเพคะ ขอฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร"

เสื้อผ้าที่นางหยิบออกมาก็คือ เสื้อผ้าที่ซื้อมาจากอินชิงเสวียน

สีขาวบริสุทธิ์พร้อมดอกไม้เล็กๆ สีฟ้าอ่อน ดูหรูหราและสะอาดตามาก เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัส ไม่แปลกที่อินชิงเสวียนบอกว่าเสื้อผ้าของนางตัดเย็บอย่างดีและทำให้ผู้คนรู้สึกนุ่มสบายมากจริงๆ

จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า "สนมหญิงผู้นี้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ข้าชอบชุดนี้เป็นอย่างมาก"

เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ "เจ้าเข้ามาอยู่ในวังระยะหนึ่ง คาดว่าเจ้าคงรู้มารยาทในวังดีอยู่แล้ว ตอนนี้ไทเฮาทรงมีอายุมากขึ้น ข้าจึงวางแผนที่จะหาคนมาช่วยจัดการดูแลตำหนักหก เพื่อแบ่งเบาความกังวลของไทเฮา วันนี้ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระสนม"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์