สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 182

สรุปบท บทที่182 เจ้ายินดีอยู่กับข้าตลอดชีวิตหรือไม่: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่182 เจ้ายินดีอยู่กับข้าตลอดชีวิตหรือไม่ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่182 เจ้ายินดีอยู่กับข้าตลอดชีวิตหรือไม่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฉินเทียนรีบนำทหารองครักษ์ตามขึ้นมา

“เหล่าข้าน้อยจะไปพร้อมด้วยฝ่าบาท!”

เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นเสียงเรียบ “ไม่จำเป็น หมู่บ้านอยู่ไม่ไกล ให้เสี่ยวเสวียนจื่อและไป๋เสวี่ยไปกับข้าก็พอ”

“คือว่า...”

ฉินเทียนและคนอื่นๆ ต่างก็สงสัย

สีหน้าเย่จิ่งอวี้เคร่งขรึมเล็กน้อย

“นี่คือคำสั่ง!”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฉินเทียนจึงพาคนถอยออกไปทันที

เมื่อได้ยินว่าจะพาไป๋เสวี่ยไปด้วย อินชิงเสวียนก็สบายใจขึ้นมาก

สุนัขมีขนาดใหญ่ และติดตามอยู่ด้านหลังเหมือนม้าตัวเล็กๆ คนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้

เย่จิ่งอวี้กลับยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบเช่นเดิม

เสื้อผ้าของเขาปลิวไสว และย่างกรายเดินช้าๆ ไปตามถนนในชนบท ใบหน้าต้านกับสายลมอ่อนๆ เดินเล่นสบายๆ ด้วยท่าทางเอ้อระเหย

อินชิงเสวียนและไป๋เสวี่ยเดินตามอยู่ข้างหลังเขา จังหวะช้าเร็วปะปนกัน

เวลาเพียงสิบห้านาทีก็เดินถึงหน้าหมู่บ้าน

ในเวลานี้คนส่วนใหญ่กำลังทําสวนในไร่นา มีเพียงหญิงชราไม่กี่คนและเด็กหลายคนนั่งอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน

เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนสวมชุดหรูหรา ทุกคนต่างมองไปยังทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ

เย่จิ่งอวี้เดินไปด้านหน้า ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านผู้เฒ่า ขอน้ำดื่มสักหน่อยจะได้หรือไม่?”

หญิงชราคนหนึ่งจับต้นไม้พยุงตัวขึ้น และพูดอย่างต้อนรับ “ไปบ้านข้าสิ บ้านข้าอยู่ใกล้นิดเดียว”

ในระหว่างที่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะมองไป๋เสวี่ยอย่างตื่นตระหนก

นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสุนัขตัวใหญ่เช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย

อินชิงเสวียนลูบหัวใหญ่ๆ ของไป๋เสวี่ย ยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าวางใจเสียเถอะ สุนัขตัวนี้อ่อนโยนมาก มันไม่กัดคน”

ดูเหมือนว่าไป๋เสวี่ยจะชอบให้อินชิงเสวียนลูบมาก มันสะบัดหางขึ้นมาในทันที

เมื่อเห็นว่ามันค่อนข้างเชื่อฟัง หญิงชราจึงเดินกลับมาพร้อมกับไม้เท้าด้วยท่าทางเงอะงะ และเด็กหลายคนก็วิ่งตามไปทันที

แม้ว่าจะเป็นย่านชานเมืองของเมืองหลวง แต่ก็หายากที่จะเห็นผู้สูงศักดิ์ที่แต่งตัวหรูหราเช่นนี้ เด็กๆ หันกลับไปมองในขณะที่วิ่งอยู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังดูสัตว์ล้ำค่า

เย่จิ่งอวี้สีหน้าเรียบเฉย โดยมีรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเขา และเดินตามหญิงชราไปที่บ้านของนาง

หญิงชราพูดขึ้นด้วยความเหนียมอาย “ครอบครัวของเรายากจนนัก ทำให้ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองต้องหัวเราะเยาะ”

นางหยิบขันน้ำเต้าออกมา และตักน้ำจากโอ่งใหญ่หนึ่งขัน

“เชิญท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง”

เย่จิ่งอวี้รับน้ำไป อินชิงเสวียนกำลังลังเลอยู่ว่าต้องเอาเข็มเงินออกมาทดสอบหรือไม่ เย่จิ่งอวี้ก็ดื่มน้ำลงไปแล้ว

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า”

เย่จิ่งอวี้นำขันน้ำคืนกลับไป เมื่อมองดูรอบๆ จึงถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าข้าวปลาอาหารในบ้านเพียงพอหรือไม่?”

หญิงชรายิ้มและพูดว่า “พออยู่เจ้าค่ะ หลายวันก่อนหน้านี้มีฝนตกสองครั้ง พืชผลก็โตเร็วมาก หากฝนตกอีกสักสองสามครั้ง เราก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีในปีนี้”

อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้นทันที “พืชผลโตเร็วแค่ไหน?”

หญิงชราคิดแล้วพูดขึ้น “ก่อนที่ฝนจะตก ความสูงประมาณหนึ่งฝ่ามือ และเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากฝนตกเพียงไม่กี่วัน และตอนนี้ก็โตได้ครึ่งหนึ่งแล่ว”

จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ข้าได้ยินว่าฝ่าบาททรงรับเลี้ยงดาวมงคล จากนั้นก็เกิดฝนตก ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับดาวมงคลก็ได้นะ”

อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “จริงด้วย ข้าก็ได้ยินมาว่าฝ่าบาทไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ แต่พระองค์ทรงทำเช้นนี้ แน่นอนว่าต้องทำเพื่อไพร่ฟ้าประชาชน”

เย่จิ่งอวี้กระตุกที่มุมปากและถามขึ้น “เหตุใดต้องห้าวหาญ? ข้าคิดว่าเสี่ยวหนานเฟิงปลอดภัยและราบรื่นถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

อินชิงเสวียนพูดในใจ ลูกชายของฉันต้องการที่จะกบฏ ชื่อต้องห้าวหาญเสียหน่อยสิ

แต่ปากกลับพูดอย่างราบเรียบ “หรือว่าฝ่าบาทไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงต่อสู้เพื่อต้าโจว และรับประกันความสงบสุขเมื่อเติบโตขึ้นกันพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่ใช่บุตรชายของฝ่าบาท เขาจะช่วยเหลือองค์รัชทายาทเมื่อเขาโตขึ้น ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึงความปลอดภัยและราบรื่น”

เย่จิ่งอวี้กวาดตามองนางแล้วพูดว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ให้เขาต้องไปสู้รบ ข้าจะสอนให้เขาเรียนรู้การเมืองและการทหาร ให้เขากลายเป็น... กลายเป็นผู้มีความสามารถในการรับผิดชอบประเทศชาติ”

“แบบใดกันพ่ะย่ะค่ะ?”

อินชิงเสวียนแปลกใจเล็กน้อย

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดสิ่งใด

สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่พลทหารที่ดี แต่เป็นความสามารถในการปกครองประเทศ

เสี่ยวหนานเฟิงเป็นบุตรชายทางสายเลือดของเขา และนับเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แน่นอนว่าเขาคือองค์รัชทายาท

เพียงแต่จะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างได้อย่างไร?

เขาไม่เพียงต้องการลูก แต่ยังต้องการแม่ของลูกอีกด้วย

เดิมทีวันนี้อยากใช้โอกาสที่อยู่เพียงลำพังเพื่อสำรวจความคิดของนาง แต่เมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว กลับไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลย

ทั้งที่อินชิงเสวียนยืนอยู่ด้านหลังเขา แต่เขากลับรู้สึกว่านางอยู่ห่างไกล

ราวกับมีทางกั้นที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้...

เมื่อนึกถึงท่าทีที่ห่างเหินมาโดยตลอดของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็อดขมวดคิ้วคมไม่ได้

เขาหยุดฝีเท้าบนพื้นสีเขียว อินชิงเสวียนรีบเบรกอย่างรวดเร็ว

เย่จิ่งอวี้หันไปทางเถียงนา และถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเล็กน้อย “เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้ายินดีอยู่ในวังกับข้าไปตลอดชีวิตหรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์