ฉินเทียนรีบนำทหารองครักษ์ตามขึ้นมา
“เหล่าข้าน้อยจะไปพร้อมด้วยฝ่าบาท!”
เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นเสียงเรียบ “ไม่จำเป็น หมู่บ้านอยู่ไม่ไกล ให้เสี่ยวเสวียนจื่อและไป๋เสวี่ยไปกับข้าก็พอ”
“คือว่า...”
ฉินเทียนและคนอื่นๆ ต่างก็สงสัย
สีหน้าเย่จิ่งอวี้เคร่งขรึมเล็กน้อย
“นี่คือคำสั่ง!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฉินเทียนจึงพาคนถอยออกไปทันที
เมื่อได้ยินว่าจะพาไป๋เสวี่ยไปด้วย อินชิงเสวียนก็สบายใจขึ้นมาก
สุนัขมีขนาดใหญ่ และติดตามอยู่ด้านหลังเหมือนม้าตัวเล็กๆ คนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้
เย่จิ่งอวี้กลับยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบเช่นเดิม
เสื้อผ้าของเขาปลิวไสว และย่างกรายเดินช้าๆ ไปตามถนนในชนบท ใบหน้าต้านกับสายลมอ่อนๆ เดินเล่นสบายๆ ด้วยท่าทางเอ้อระเหย
อินชิงเสวียนและไป๋เสวี่ยเดินตามอยู่ข้างหลังเขา จังหวะช้าเร็วปะปนกัน
เวลาเพียงสิบห้านาทีก็เดินถึงหน้าหมู่บ้าน
ในเวลานี้คนส่วนใหญ่กำลังทําสวนในไร่นา มีเพียงหญิงชราไม่กี่คนและเด็กหลายคนนั่งอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนสวมชุดหรูหรา ทุกคนต่างมองไปยังทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ
เย่จิ่งอวี้เดินไปด้านหน้า ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านผู้เฒ่า ขอน้ำดื่มสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
หญิงชราคนหนึ่งจับต้นไม้พยุงตัวขึ้น และพูดอย่างต้อนรับ “ไปบ้านข้าสิ บ้านข้าอยู่ใกล้นิดเดียว”
ในระหว่างที่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะมองไป๋เสวี่ยอย่างตื่นตระหนก
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสุนัขตัวใหญ่เช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย
อินชิงเสวียนลูบหัวใหญ่ๆ ของไป๋เสวี่ย ยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าวางใจเสียเถอะ สุนัขตัวนี้อ่อนโยนมาก มันไม่กัดคน”
ดูเหมือนว่าไป๋เสวี่ยจะชอบให้อินชิงเสวียนลูบมาก มันสะบัดหางขึ้นมาในทันที
เมื่อเห็นว่ามันค่อนข้างเชื่อฟัง หญิงชราจึงเดินกลับมาพร้อมกับไม้เท้าด้วยท่าทางเงอะงะ และเด็กหลายคนก็วิ่งตามไปทันที
แม้ว่าจะเป็นย่านชานเมืองของเมืองหลวง แต่ก็หายากที่จะเห็นผู้สูงศักดิ์ที่แต่งตัวหรูหราเช่นนี้ เด็กๆ หันกลับไปมองในขณะที่วิ่งอยู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังดูสัตว์ล้ำค่า
เย่จิ่งอวี้สีหน้าเรียบเฉย โดยมีรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเขา และเดินตามหญิงชราไปที่บ้านของนาง
หญิงชราพูดขึ้นด้วยความเหนียมอาย “ครอบครัวของเรายากจนนัก ทำให้ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองต้องหัวเราะเยาะ”
นางหยิบขันน้ำเต้าออกมา และตักน้ำจากโอ่งใหญ่หนึ่งขัน
“เชิญท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง”
เย่จิ่งอวี้รับน้ำไป อินชิงเสวียนกำลังลังเลอยู่ว่าต้องเอาเข็มเงินออกมาทดสอบหรือไม่ เย่จิ่งอวี้ก็ดื่มน้ำลงไปแล้ว
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า”
เย่จิ่งอวี้นำขันน้ำคืนกลับไป เมื่อมองดูรอบๆ จึงถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าข้าวปลาอาหารในบ้านเพียงพอหรือไม่?”
หญิงชรายิ้มและพูดว่า “พออยู่เจ้าค่ะ หลายวันก่อนหน้านี้มีฝนตกสองครั้ง พืชผลก็โตเร็วมาก หากฝนตกอีกสักสองสามครั้ง เราก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีในปีนี้”
อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้นทันที “พืชผลโตเร็วแค่ไหน?”
หญิงชราคิดแล้วพูดขึ้น “ก่อนที่ฝนจะตก ความสูงประมาณหนึ่งฝ่ามือ และเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากฝนตกเพียงไม่กี่วัน และตอนนี้ก็โตได้ครึ่งหนึ่งแล่ว”
จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ข้าได้ยินว่าฝ่าบาททรงรับเลี้ยงดาวมงคล จากนั้นก็เกิดฝนตก ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับดาวมงคลก็ได้นะ”
อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “จริงด้วย ข้าก็ได้ยินมาว่าฝ่าบาทไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ แต่พระองค์ทรงทำเช้นนี้ แน่นอนว่าต้องทำเพื่อไพร่ฟ้าประชาชน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...