สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 207

สรุปบท บทที่ 207 ตีเจ้าไม่จำเป็นต้องเลือกวัน: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 207 ตีเจ้าไม่จำเป็นต้องเลือกวัน – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 207 ตีเจ้าไม่จำเป็นต้องเลือกวัน ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ณ ตำหนักฉือหนิง

วันเฉลิมพระชนมมายุครบรอบห้าสิบพรรษาของไทเฮา ถือเป็นงานสำคัญในวัง

ในตอนเช้า เหล่านางสนมทุกคนตื่นแต่เช้าเพื่อแต่งกาย

นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกนางจะได้เห็นฝ่าบาท

ทุกคนหยิบชุดและเครื่องประดับที่ดีที่สุดของตนออกมา ยามเดินเสียงหยกกระทบกันดังกริ๊ง กลิ่นหอมตลบอบอวล

นายหญิงที่ซื้อน้ำหอมก็ไม่ตระหนี่ แทบอยากฉีดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้ได้กลิ่นหอมฉุนแม้อยูไกลหลายเมตร

ซูฉ่ายเวยยิ่งแต่งกายอย่างดี ตอนนี้นางและอินชิงเสวียนต่างก็เป็นสนมขั้นเฟยเหมือนกัน จะยอมให้น้อยหน้านางไม่ได้เด็ดขาด

หยิบกระโปรงสีม่วงปักด้วยด้ายสีทองออกมาเป็นพิเศษ ส่วนศีรษะล้วนประดับประดาด้วยเครื่องเงินเครื่องทองและไข่มุก ทำให้ทั้งศีรษะดูเหมือนเป็นกระถางดอกไม้

ถึงกระนั้น ซูฉ่ายเวยก็ยังไม่พอใจ นางค้นเจิปิ่นปักผมสีทองเล่มหนึ่งจากในกล่อง จึงปักไว้บริเวณหลังหู

“เป็นอย่าไรบ้าง ข้าดูดีรึไม่”

เซียงหลานพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “แน่นอนเพคะ พระสนมงดงามราวกับนางฟ้า ไม่มีสนมในวังหลังคนใดที่สามารถเทียบได้กับท่านได้”

ซูฉ่ายเวยแค่นเสียงพูดว่า “แล้วเสี่ยวเสวียนจื่อไม่ดูดีเท่าข้างั้นหรือ”

“แม้ว่าพระสนมเหยาเฟยจะงดงาม แต่ในสายตาของหม่อมฉัน นางงามไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของพระสนมหลิงเฟยด้วยซ้ำ มีเพียงร่างอรชรของพระสนมเท่านั้น ถึงจะดูน่ารัก”

เซียงหลานรู้ว่าซูฉ่ายเวยชอบฟังอะไร จึงเลือกพูดถึงสิ่งที่นางชอบฟังเป็นธรรมดา

ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉ่ายเวย นางปิดปากแล้วพูดว่า “นับว่าตาเจ้ามีแววอยู่บ้าง”

จากนั้นก็ถอนหายใจ “แต่ไม่ว่าข้าจะงดงามเพียงใด แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ฝ่าบาทไม่แม้แต่จะมาหาเลยสักครั้ง มีแต่ไปที่ตำหนักจินหวูทุกวัน”

เซียงหลานช่วยประคองซูฉ่ายเวย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงอย่างไรพระสนมเหยาเฟยและฝ่าบาทก็มีลูกด้วยกัน ถ้าพระสนมมีลูกให้กับฝ่าบาท ทุกอย่างย่อมต่างออกไปแน่เพคะ”

ใบหน้าของซูฉ่ายเวยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย

“แต่ข้าจะมีลูกกับฮ่องเต้ได้อย่างไรล่ะ”

เซียงหลานกล่าวว่า “วันนี้ท่านก็แสดงดีๆ การแต่งกายของพระสนมจะต้องดึงดูดสายตาของฝ่าบาทอย่างแน่นอน”

ซูฉ่ายเวยรู้สึกยินดีทันทีที่ได้ยินเช่นนี้

“เจ้าพูดถูกแล้ว รีบไปกันเถอะ”

ในเวลานี้ สวีจือย่วนก็มาถึงแล้ว

นางพาหานปิงสาวใช้มาด้วยเพียงคนเดียว ชุดที่นางใส่ก็เรียบง่ายทว่าสง่างามมาก นางสวมกระโปรงสีฟ้าอ่อน ซึ่งไม่มีการตกแต่งใดๆ เลย เมื่ออยู่ท่ามกลางชุดกระโปรงสีสันสดใสก็ดูไม่โดดเด่นมาก

นางยืนอยู่ข้างหลังฝูงชน รอประกาศด้วยสีหน้าสงบ

ถัดจากนางคือฉู่หลิงอวี้ที่แต่งตัวสวยงาม ชุดสีเขียวมรกตขับผิวของนางให้ขาวผ่อง งดงามราวกับไข่มุกดั่งหยก ดูสะดุดตา ซึ่งเมื่อเทียบกับสวีจือย่วนที่อยู่ข้างๆ แล้ว ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเห็นเสื้อผ้าเรียบๆ ของนายหญิงตน หานปิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนปัญญา

เพื่ออินสิงอวิ๋น คุ้มค่าแล้วหรือ

หากไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ก็ยากที่จะก้าวหน้าในวังหลวงได้

ในวันนั้นตอนที่ฝ่าบาทช่วยเหลือนายหญิง ห้องครัวหลวงก็ส่งอาหารมากมายทุกวัน

แต่ตอนนี้กลับกลายมีแต่อาหารจานผัก นางกำนัลและขันทีหลายคนในวังก็ดูไม่เชื่อฟังคำสั่งเช่นกัน แต่นายหญิงเหมือนมองไม่เห็น ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น

บัดนี้นายหญิงที่อยู่วังเย็นได้รับการแต่งตั้งยศขึ้นเป็นสนมขั้นเฟยแล้ว แต่หญิงกลับไม่ได้แม้แต่ตำแหน่งขั้นผินด้วยซ้ำ หานปิงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ พูดว่า “จุ๊ๆ วันประสูติของไทเฮา แต่กลับแต่งตัวแบบนี้ ไม่รู้ว่าครอบครัวจะยากจนขนาดไหน”

เมื่อสวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นลู่จิ้งเสียนที่แต่งหน้าหนาๆ ทันที

จึงรีบโค้งคำนับพูดว่า “คำนับพระสนมเสียนผิน”

ตอนที่นางยังเป็นเสี่ยวเสวียนจื่อ ก็ทำให้ลู่จิ้งเสียนเดือดร้อนอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ลู่จิ้งเสียนยิ่งรู้สึกไม่ดีกับนาง

แต่วันนี้เป็นวันประสูติของไทเฮา ซึ่งถือเป็นลานการแสดงของนาง เพราะได้รับการสนับสนุนของไทเฮา นางจึงไม่เกรงกลัว

นางคว้าเสื้อผ้าของชุ่ยจู๋ หยัดกายยืนได้มั่นคงแล้วจึงพูดด้วยความโกรธจนเนื้อเต้น “เจ้าน่ะสิบังอาจ กล้าตบข้า”

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นตบนางอีกครั้ง

คนอย่างลู่จิ้งเสียนสมควรที่จะถูกตบแล้ว เพราะนางเป็นหลานสาวของแม่มดเฒ่า และการตบนี้ก็ไม่ถือว่านางได้รับความอยุติธรรม

“ข้าอยากตบเจ้าก็ตบ หรือต้องให้เลือกวันด้วย เจ้าเป็นแค่สนมขั้นผินเท่านั้น เมื่อเห็นไม่เพียงแต่จะไม่คุกเข่า แต่กลับหยิ่งผยอง วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง”

อินชิงเสวียนเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง แล้วลู่จิ้งเสียนก็ก้าวถอยหลังก้าใหญ่ทันที ยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่แดงก่ำ แล้วพูดว่า “เจ้า...เจ้ากล้ารึ”

“เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดู ว่าข้ากล้าหรือไม่”

อินชิงเสวียนสืบเท้าเข้าหานาง แต่ถูกสวีจือย่วนรั้งไว้

“พระสนมโปรดระงับโทสะด้วย วันนี้เป็นเกิดของไทเฮา ถ้าทำให้วุ่นวายคงไม่ดีแน่ ปล่อยนางไปก่อนเถิด!”

อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็เห็นด้วย ตอนนี้นางเป็นเพียงสนมขึ้นเฟยเท่านั้น ต่อสู้กับยายแม่มดเฒ่าไม่ได้

จึงลดมือลง แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้าไม่เป็นไรนะ”

สวีจือย่วนผลิยิ้ม “ทูลพระสนม หม่อมฉันไมเป็นไรเพคะ”

อินชิงเสวียนพยักหน้า พูดเสียงดัง “เช่นนั้นก็ดี หากผู้ใดกล้ารังแกเจ้าอีก ให้ไปบอกข้าที่ตำหนักจินหวู ข้าจะคืนความยุติธรรมให้เจ้าอย่างแน่นอน”

หากไม่ได้อยู่ในวัง สวีจือย่วนอาจกลายเป็นพี่สะใภ้ของนางแล้วก็ได้ อินชิงเสวียนทนมองดูคนอื่นรังแกนางได้อยู่แล้ว

สวีจือย่วนกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ขอบพระทัยพระสนม!”

ทันทีที่พูดจบ ชุยไห่ก็ตะโกนเสียงแหบราวกับเป็ดตัวผู้ “เชิญนายหญิงทุกตำหนักเข้าด้านใน แสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติของไทเฮา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์