ณ เรือนจุ้ยหง
ฟางรั่วขมวดคิ้วเดินกลับไปกลับมาในห้อง
ขนาดตัวเองยังได้ยินเรื่องแบบนี้ นายท่านก็ต้องได้ยินแล้วเหมือนกัน
ขณะที่กวนเซี่ยวนั่งดื่มสุราอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์
“คุณชายใหญ่ยังไม่มา เจ้าจะกังวลไปทำไมล่ะ มิสู้ดื่มสุรากับข้าคลายความกังวลไม่ดีกว่าหรือ”
ฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาดื่มสุราอีกนะ หากนายท่านรู้ว่าอินชิงเสวียนตกอยู่ในอันตราย เขาต้องบุกเข้าวังหลวงในยามวิกาลอีกแน่นอน”
กวนเซี่ยวคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ถ้าเขาอยากไป เจ้าจะหยุดเขาได้งั้นหรือ”
ในเวลานี้ เขาถือกาสุรา ท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีระมัดระวังตัวที่เขาแสดงให้อินชิงเสวียนเห็นโดยสิ้นเชิง
ฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้าก็คงไม่อยากให้คุณชายใหญ่ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันกระมัง หาไม่แล้วเจ้าคงไม่คิดหาหนทางพาเขาออกมาจากจวนจอมพลหรอก”
กวนเซี่ยวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนบ้าบิ่น จะทำสิ่งใดเขาย่อมมีขอบเขตอยู่แล้ว”
ฟางรั่วเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าที่มีฐานะเป็นถึงหลานชายของจอมพลกวน ทำเช่นนี้เพราะมีเจตนาใด”
กวนเซี่ยวจิบสุราแล้วพูดอย่างสบายๆ “เจ้าคิดว่าข้ามองเขาแล้วไม่รู้สึกขัดตาก็ได้”
“แค่รู้สึกไม่ขัดตา ก็ใจดีด้วยถึงเพียงนี้เชียวรึ” ฟางรั่วพูดถากถาง
กวนเซี่ยวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าแม่นางฟางรั่วไม่เชื่อ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
ฟางรั่วแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“มีแต่คนที่ตายแล้วเท่านั้นถึงจะเชื่อ ทางที่ดีเจ้าห้ามทำลายแผนของเรา ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ปรานีเจ้าแน่”
กวนเซี่ยวถอนหายใจ “เรารู้จักกันมาหนึ่งปีแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังใจร้ายกับข้าขนาดนี้”
ฟางรั่วพูดอย่างเย็นชา “อย่าพูดคำเหล่านี้อีก ข้าอยากพบนายท่าน เจ้ามีวิธีหรือไม่”
กวนเซี่ยววางกาสุราลง เงยหน้าขึ้นพูด “เรื่องนี้ข้าไม่มีวิธีจริงๆ แต่ถึงจะได้พบเขา เจ้าก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ไยต้องกังวลด้วย”
“เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
หลังจากที่ฟางรั่วพูดจบ นางก็พับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินออกไป
ครั้นแล้วทันทีนั้นเองประตูก็เปิดออกพอดี มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
ซึ่งเมื่อถอดหน้ากากออกแล้วก็คืออินสิงอวิ๋นนั่นเอง
ฟางรั่วแสดงสีหน้ามีความสุขอย่างอดไวไม่อยู่
“นายท่าน”
กวนเซี่ยวก็ยืนขึ้นประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่”
“สหายกวนไม่ต้องเกรงใจ ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในวังแล้ว”
อินสิงอวิ๋นเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ามืดมน
ฟางรั่วถามอย่างเป็นกังวลทันที “นายท่าน ท่านคงไม่คิดจะเข้าวังกระมัง”
อินสิงอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา “ถ้าชิงเสวียนตกอยู่ในหอสวดมนต์จริง ก็ยากที่จะมีชีวิตรอด ข้าย่อมไม่เพิกเฉยแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเสวียนเจินนั่นจะยังอยู่ในวัง”
กวนเซี่ยวพูดอย่างเคร่งขรึม “คนผู้นี้มีที่มาน่าสงสัย แต่กลับได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้องค์ก่อน ตอนนี้ที่เขาวางกลอุบายเช่นนี้ เกรงว่าร่วมมือกับไทเฮา เพื่อจัดการกับคุณหนูสามอิน แต่ข้ารู้สึกว่าคุณหนูสามอินไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ต้องปลอดภัยจากอันตรายได้แน่ๆ”
“ความรู้สึกเชื่อถือไม่ได้ มีเพียงแต่ต้องไปพบนางจริงๆ ข้าถึงจะวางใจ”
กระแสเสียงของอินสิงอวิ๋นแผ่วต่ำ เต็มไปด้วยความวิตกกังวลที่ไม่สามารถควบคุมได้
กวนเซี่ยวกล่าวว่า “ข้าแนะนำให้คุณชายใหญ่ใจเย็นก่อน ตอนนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น วังหลวงจะต้องได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หากที่อยู่ของเจ้าถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดประโยชน์ แต่จะทำให้คนฉวยโอกาสนี้ สร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่”
อินสิงอวิ๋นกระแทกโต๊ะดังปัง พูดเสียงเฉียบว่า “จะให้ข้ามองดูชิงเสวียนเดือดร้อนโดยไม่สนใจงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่เราต้องหาวิธีอื่นจัดการ”
กวนเซี่ยวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้ามีคนรู้จักที่เป็นองครักษ์อยู่ในหอสวดมนต์ เดี๋ยวจะไปลองสืบจากเขาดู คืนนี้เขาน่าจะออกจากวังได้”
อินสิงอวิ๋นคิดอยู่นาน แล้วจึงพูดว่า “ก็ดี เช่นนั้นข้าจะรอข่าวจากเจ้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...