สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนเบาๆ แล้วกระซิบว่า “ข้าก็เหมือนกัน!”
ตอนที่นางพูดคำนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำเล็กน้อย แล้วก้มศีรษะลงทันที
อินชิงเสวียนพอจะเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าอยู่ในตำหนักว่างๆ แล้วรู้สึกเบื่อก็มาที่นี่บ่อยๆ นะ”
ดวงตาของสวีจือย่วนสว่างขึ้น จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างแรง
พวกนางทั้งสองพูดคุยกันพลาง รับประทานอาหารกันพลาง โดยเรื่องที่คุยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระเสียมาก
สวีจือย่วนรู้กาลเทศะ ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลย ซึ่งช่วยให้อินชิงเสวียนประหยัดคำพูดได้มาก
เพียงพริบตาเดียว ฟ้าก็มืดลงแล้ว
สวีจือย่วนยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่มาหลายชั่วยามแล้ว ควรกลับได้แล้ว ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟยสำหรับการต้อนรับ”
นางยอบกายคำนับด้วยท่วงท่าสง่างาม
อินชิงเสวียนช่วยประคองนางลุกขึ้น แล้วหันไปมองดูฝนข้างนอก จึงพูดว่า “ฝนตกหนักลมแรง ยามคำคืนทางมืดเดินลำบาก คืนนี้เจ้าค้างที่นี่เถอะ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ ใต้แสงเทียน”
“เอ่อ...”
สวีจือย่วนลังเล
มาอยู่ที่นี่ตั้งนาน นางยังไม่ได้ถามถึงอินสิงอวิ๋นเลย ในใจนางอยากรู้เรื่องของเขามากนัก
แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ยังดี ก็เพียงพอที่จะทำให้นางมีความสุขไปได้อีกนาน
เหตุผลที่ไม่ได้ถามถึง ก็เพราะกลัวว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง อาจจะทำให้อินชิงเสวียนเดือดร้อนก็ได้
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนรั้งนางไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว
หานปิงย่อมเต็มใจอยากให้นางอยู่ที่นี่แล้ว เพราะไม่แน่ว่าบางทีอาจจะได้พบกับฝ่าบาท
จึงเอ่ยขึ้นว่า “นายหญิง ที่พระสนมกล่าวมาก็มีเหตุผล ตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าท่านกลับไป ต้องเปียกแน่นอน มิสู้ค้างคืนอยู่ที่นี่ดีกว่า”
อินชิงเสวียนจับมือของนางแล้วพูดว่า “ใช่ เจ้ากลับก็ไปพักผ่อน อยู่ที่นี่ก็ได้พักผ่อนเหมือนกัน”
เมื่อสวีจือย่วนเดินไปที่ประตู จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงลมหนาว อดไม่ได้ที่จะกระชับเสื้อให้แน่น
แล้วจึงมองดูฝนที่ตกลงมาอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าคงออกไปไม่ไหว
จึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนด้วย”
“รบกวนอะไรกัน”
อินชิงเสวียนเหลือบมองอย่างเคืองๆ แล้วตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างนอก “อวิ๋นฉ่าย เจ้าพาหานปิงไปพักที่ห้องโถงด้านข้าง แล้วคืนนี้ให้เสี่ยวหนานเฟิงนอนกับยายหลี่นะ”
อวิ๋นฉ่ายเดินเข้ามาทันที พูดกับหานปิง “พี่หานปิงเชิญตามข้ามา”
หานปิงโค้งขอบคุณ และติดตามอวิ๋นฉ่ายไป
หลังจากที่พวกนางออกไป อินชิงเสวียนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นทันที บางทีนางอาจเกิดมายากจน จึงไม่คุ้นเคยกับการที่มีคนรับใช้ทุกวัน
นางถอดรองเท้าปีนขึ้นไปบนเตียงทันที ตบขอบเตียงแล้วพูดว่า “มานี่!”
สวีจือย่วนก้าวเล็กๆ ไปที่ข้างเตียง แล้วนั่งหมิ่นเหม่อยู่ขอบเตียง
เมื่อเห็นว่านางระมัดระวังตัวมาก อินชิงเสวียนก็ดึงนางขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ข้าคนนี้ไม่ชอบบังคับ เจ้ายิ่งรู้สึกสบายใจก็ยิ่งดี ทำเหมือนอยู่บ้านตัวเองก็พอ ถ้าขืนเจ้ายังทำแบบนี้ ข้าก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรแล้ว”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเป็นคนสบายๆ สวีจือย่วนก็ยิ่งชื่นชอบนางมากยิ่งขึ้น
นางเองก็อยากเป็นเหมือนอินชิงเสวียน แต่นางคุ้นเคยกับการถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์มาตั้งแต่เด็ก สัญชาตญาณจึงเหมือนถูกผูกไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย
อินชิงเสวียนดึงนางขึ้นมาบนเตียง คว้าหมอนไปส่งให้สวีจือย่วน จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก แล้วนอนสสบายๆ บนเตียงโดยที่สวมเพียงเสื้อป้ายตัวใน
สวีจือย่วนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทำตามตัวอย่างของนาง และเอนกายนอนหนุนหมอน
กัดริมฝีปากแล้วถามว่า “เวลาคุณชายใหญ่มาบ้านเรา มักจะพูดถึงพระสนมบ่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพระสนมกับเขาต้องดีมากแน่ๆ”
อินชิงเสวียนค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จากนั้นก็พยักหน้า “ดีมากจริงๆ พี่ใหญ่อ่อนโยนโดยธรรมชาติ ไม่บุ่มบ่ามเหมือนพี่รอง ตอนที่ข้ายังเด็ก เขามักจะใช้ใบหญ้าทำเป็นลูกหมาลูกแมว ทำให้ข้ามีความสุข”
ก่อนแต่งงานเจ้าของร่างเดิมมีความทรงจำที่มีความสุขมาก
แม้ว่าท่านพ่อจะดูเข้มงวด แต่เขาก็ยังอ่อนโยนต่อนางเสมอ พี่ใหญ่อินสิงอวิ๋นก็เอาอกเอาใจรักใคร่นางมาก ถึงแม้ท่านพ่อจะแต่งงานกับภรรยาคนที่สองในภายหลัง และให้กำเนิดลูกสาวคนเล็กที่เป็นนาง แต่เขาไม่เคยละเลยนางเพราะเหตุนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...