สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 227

สรุปบท บทที่ 227 ข้าไม่ชอบ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

บทที่ 227 ข้าไม่ชอบ – ตอนที่ต้องอ่านของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอนนี้ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 227 ข้าไม่ชอบ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในเวลานี้ สวีจือย่วนน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจ

นางคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนผู้นั้นจริงๆ

พอมานึกดูตอนนี้ ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงความฝัน แทบไม่อยากจะเชื่อเลย!

นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงทุกรายละเอียดของอินสิงอวิ๋น ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักจนออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรกับตัวเองมากนัก แต่สวีจือย่วนก็มีความสุขเมื่อคิดว่ายังมีร่องรอยของเขาอยู่ในห้องนี้

อินชิงเสวียนหยิบตะบันไฟออกมาจุดตะเกียงอีกครั้ง

เมื่อเห็นน้ำตาบนแก้มของสวีจือย่วน นางก็เดินไปหาอย่างอดไม่ได้ แล้วตบไหล่นางเบาๆ

พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้เจ้าได้พบเขาแล้ว ก็น่าจะสบายใจได้แล้วนะ”

สวีจือย่วนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก คุกเข่าลงพร้อมกับสะอื้น

“ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟย”

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปประคองร่างนางขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่ต้องพูดคำสุภาพอีกแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนกันก่อนเถอะ”

“อืม”

สวีจือย่วนถอดกระโปรงออก แล้วนอนบนเตียงกับอินชิงเสวียน มือของนางจับมุมผ้าห่มไว้แน่น นางยิ้มอยู่พักหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ร้องไห้ออกมาอีก

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็โคลงศีรษะอย่างช่วยไม่ได้

นางไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร จึงหลับไปก่อน

วันต่อมา

เหมือนว่าจะได้ยินเสียงของสวีจือย่วนพูดอะไรรางๆ เหมือนจะเกี่ยวกับฝ่าบาท

แล้วอินชิงเสวียนก็ตื่นขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นนั่งที่เตียง

ตามที่คาดไว้ มีคนสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ คือเย่จิ่งอวี้และสวีจือย่วน

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เมื่อเห็นสองคนนี้นั่งด้วยกัน อินชิงเสวียนก็รู้สึกตงิดใจเล็กน้อย

เย่จิ่งอวี้หันกลับมา แล้วส่งยิ้มให้นาง “เจ้าตื่นแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปาก แล้วพูดว่า “เช้าตรู่ขนาดนี้ เหตุใดฝ่าบาทจึงมาที่นี่ได้ ไม่ต้องไปประชุมเช้าหรือเพคะ”

เย่จิ่งอวี้วางถ้วยชาลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ไม่รู้รึว่ายามใดแล้ว เลยยามเที่ยงไปแล้ว”

อินชิงเสวียนมองออกไปข้างนอก เห็นๆ ว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

แต่เมื่อได้ยินเสียงฝนตก นางก็หน้าแดงอย่างอดไม่ได้

รู้สึกเหมือว่าในยังตกอยู่

ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “หม่อมฉันขออภัย เพราะหม่อมฉันนอนดึกไปหน่อย”

“เมื่อวานเจ้าใช้พลังงานไปมาก ควรพักผ่อนมากๆ วันนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

เย่จิ่งอวี้มาที่ข้างเตียง มองนางด้วยเรียวตาหงส์คู่นั้น

อินชิงเสวียนบิดขี้เกียจ

“ดีขึ้นแล้วเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย”

แล้วสวีจือย่วนก็ยืนขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ก่อนที่พระสนมเหยาเฟยจะตื่น ฝ่าบาทให้หม่อมฉันอยู่คุยด้วย ตอนนี้พระสนมตื่นแล้ว หม่อมฉันก็ควรกลับได้แล้ว”

อินชิงเสวียนมองออกไปข้างนอกแล้วถามว่า “ฝนยังตกหนักหรือไม่”

สวีจือย่วนส่ายศีรษะยิ้มๆ “ไม่มากแล้ว”

จากนั้นนางก็คารวะเย่จิ่งอวี้

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอทูลลา”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “อืม ไว้วันหลังข้าจะไปหาเจ้า”

“เพคะ”

สวีจือย่วนพยักหน้าไปทางอินชิงเสวียน และจากไปพร้อมกับหานปิง

เมื่อออกจากตำหนักจินหวู

หานปิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นายหญิง กว่าจะได้พบฝ่าบาทช่างยากเย็นแสนเข็ญ เหตุใดจึงรีบกลับนัก”

“ในพระทัยของฝ่าบาทเป็นใคร เจ้านังมองไม่ออกอีกหรือ ต่อไปห้ามพูดถึงอีก”

ใบหน้าของสวีจือย่วนเคร่งเครียดเล็กน้อย แล้วกล่าวเสริมว่า “ข้ากับฝ่าบาทไม่ได้เดินทางเส้นเดียวกัน”

หานปิงกัดริมฝีปาก และกลืนคำพูดที่เกือบจะพูดออกไป

ทุกวันนี้อาหารในตำหนักเริ่มแย่ลงทุกวัน แย่กว่าอาหารที่บ้านด้วยซ้ำ แต่นายหญิงไม่ยอมเอง แล้วนางจะทำอย่างไรได้

เย่จิ่งอวี้วางเลนส์สัมผัสลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ถูกโบยตายหมดแล้ว”

โหดร้ายพอตัว แต่ก็สะอาดหมดจด!

อินชิงเสวียนยกนิ้วให้เขา แล้วเย่จิ่งอวี้ก็พูดอีกครั้ง “เมื่อคืน สวีจือย่วนมาค้างคืนกับเจ้ารึ”

“ผิดกฎรึ หรือว่าฝ่าบาททรงอิจฉา”

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลิกคิ้วคู่งามด้วยท่าทางน่ากลัว เย่จิ่งอวี้ก็กระตุกมุมปาก

“ข้าแค่ถามดูเท่านั้น เหตุใดวันนี้เจ้าถึงเจ้าอารมณ์นัก”

“หม่อมฉันจะกล้าใช้อารมณ์ได้อย่างไร”

อินชิงเสวียนสวมรองเท้า เดินมารินน้ำชาที่โต๊ะ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าเอว แล้วยกชาสมุนไพรขึ้นดื่มด้วยสีหน้าเถื่อนๆ

“นอกจากจะเจ้าอารมณ์แล้วเหมือนจะได้กลิ่นเปรี้ยวๆ ด้วย”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังมาจากด้านหลัง หางเสียงเจือแววสัพยอกน้อยๆ

อินชิงเสวียนมือแข็ง ถือถ้วยชาค้างกลางอากาศ

ไม่ใช่กระมัง มีกลิ่นเปรี้ยวจริงหรือ

แล้วจึงสะบัดหัวอยู่เร่าๆ เป็นไปไม่ได้

นางไม่ได้ชอบเย่จิ่งอวี้เลย พวกเขาทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชนซึ่งกันและกัน ไม่มีทางที่จะมีเรื่องอย่างอื่นแน่นอน

หลังจากปลอบใจตัวเองอย่างรวดเร็วแล้ว อินชิงเสวียนก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ หันกลับมา เผยรอยยิ้มเสแสร้ง

“หม่อมฉันจะกล้าหึงฝ่าบาทได้อย่างไร หม่อมฉันหวังมาตลอดว่าฝ่าบาทจะประทานเมตตาอย่างทั่วถึง ตอนนี้ในวังมีเพียงจ้าวเอ๋อร์เป็นลูกคนเดียว คงเหงาอยู่บ้าง ฝ่าบาทควรไปตำหนักอื่นบ่อยๆ เหล่าสนมนายหญิงในวังหลังจได้มีลูกมีหลายสืบสกุลต้าโจว”

“เจ้าหมายความตามที่พูดจริงๆ หรือ”

เย่จิ่งอวี้เดินมาอยุดอยู่เบื้องหน้าของอินชิงเสวียน ร่างสูงของเขาปรากฏสูงเหนือศีรษะของอินชิงเสวียน ดวงตาลึกคู่หนึ่งมองมายังอินชิงเสวียนอย่างกดดัน ทันใดนั้นก็นางรู้สึกถึงความกดดันที่หายใจติดขัด

อินชิงเสวียนปรับการหายใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันย่อมกล่าวตามที่คิดอยู่แล้ว”

เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา

“ข้าไม่ชอบ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์