ไทเฮาจ้อมมองนางปานจะกินเลือดกินเนื้อ
“เรื่องหลวงจีนเพิ่งจะจบไป เจ้าก็คิดจะหานักพรตมาอีก เจ้าคิดว่าเย่จิ่งอวี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ทำไมพูดจาไม่ใช้สมองนะ”
ลู่จิ้งเสียนกัดริมฝีปากพูดว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี จะมองดูนางเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยไม่ทำอะไรงั้นหรือเพคะ”
“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่”
ไทเฮาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องการตรวจสอบเรื่องของของตระกูลอินอีกครั้ง หากอินจ้งกลับราชสำนักไม่ได้ นางก็จะไม่มีที่พึ่ง ที่ฮ่องเต้โปรดปรานก็มีเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป พวกเราต้องหาคนอื่นในวังมาแบ่งปันความโปรดปรานกับนาง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่จิ้งเสียนก็ไม่พอใจอีกครั้ง
“ถ้าข้าหาคนอื่นมาเอาใจฝ่าบาท แล้วเขาจะยังสนใจหม่อมฉันหรือ”
ไทเฮาพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “ถ้าไม่หาคน แล้วเขาจะสนใจเจ้ารึ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าให้เจ้าไปมาหาสู่กับองค์หญิงบ่อยๆ เจ้าได้ทำตามที่ข้าบอกหรือไม่”
ลู่จิ้งเสียนหุบปากทันที
นางดูถูกเย่ไห่ถัง เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ มารดาของเย่ไห่ถังก็ไม่ได้รับความโปรดปราน แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะดีกับนาง แต่เขาไม่ได้ไปที่นั่นบ่อยๆ ดังนั้น ถ้าสนิทกับนางแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ไทเฮารู้ว่านางคิดอะไร จึงพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าต้องการทำให้เย่จิ่งอวี้พอใจ เจ้าต้องเอาใจคนที่เขาชอบก่อน ตอนนี้ความเกลียดชังระหว่างเจ้ากับอินชิงเสวียนนั้นยากที่จะแก้ไข ดังนั้นเจ้าจึงทำได้แค่เอาใจองค์หญิงเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”
ลู่จิ้งเสียนกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “หม่อมฉันทราบแล้ว หม่อมฉันจะไปหาองค์หญิงเร็วๆ นี้”
ขณะที่พูดคุยกันอยู่ ชุยไห่ก็เข้ามารายงาน
“ไทเฮา นายหญิงสวีมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาวางมือบนเบาะรองข้างตัวเอง
“ให้นางเข้ามา”
ครู่ต่อมา สวีจือย่วนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วยอบกายคำนับ
“สวีจือย่วนถวายพระพรไทเฮา ถวายพระพรพระสนมเสียนผิน”
ไทเฮามองดูนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าในฐานะหญิงงามในวังหลัง แต่กลับไม่อยู่ในหอสุ่ยอวิ้นของตัวเอง แต่กลับไปแบ่งพรรคแพ่งพวกที่ตำหนักจินหวู เจ้ามีเจตนาใดแอบแฝง หรือว่าเจ้าคิดว่าเหยาเฟยสามารถใช้มือเดียวปิดฟ้าได้ เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตารึ”
สวีจือย่วนตกใจ รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “หม่อมฉันมิกล้า”
ไทเฮาตบโต๊ะแล้วพูดว่า “เจ้ากล้าที่จะค้างคืนอยู่ในตำหนักจินหวู ยังมีสิ่งใดที่ไม่กล้าอีก สิ่งต้องห้ามที่สุดในวังหลังคือการก่อตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เจ้ากลับตีสนิทนางสนมอย่างเปิดเผย ไม่สนใจกฎของวังหลัง ชุยไห่ ตบปากนาง”
ชุยไห่เข้ามาทันที คว้ามวยผมของสวีจือย่วนแล้วตบตีนาง
ชุยไห่เป็นขันที แต่ก็เป็นชาย เพียงการตบสองครั้ง เลือดก็ไหลออกจากจมูกของสวีจือย่วนแล้ว
เมื่อเห็นดังนี้หานปิงก็รีบวิ่งไปปกป้องนายหญิงของตนทันที
“ไทเฮาโปรดยกโทษให้ด้วยเถิด กงกงโปรดยกโทษให้ด้วย นายหญิงแค่ไปเยี่ยมเท่านั้น แต่เนื่องจากฝนตกหนักและเดินทางลำบาก จึงพักที่ตำหนักจินหวู ไม่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ยิ่งไม่กล้าที่จะละเลยกฎเกณฑ์ของวังหลวง ขอไทเฮาโปรดเมตตาด้วย ไว้ชีวิตนายหญิงของหม่อมฉันด้วยเถิด”
ชุยไห่เตะนางออกไป
“ไม่ใช่ที่ที่จะเจ้าจะเสนอหน้าพูดได้ ออกไปซะ”
ลู่จิ้งเสียนจึงพูดว่า “สาวใช้บ้านี่รวาจาสำคัญนักนะ ชุ่ยจู๋ ไปสั่งสอนนางซิ”
“เพคะ”
ชุ่ยจู๋พับแขนเสื้อขึ้นทันที คว้าตัวหานปิงและตบหน้านาง
สองนายบ่าวถูกตบตีจนครวญครางซ้ำแล้วซ้ำอีก ใบหน้านวลเนียนบวมแดงขึ้นทันที
จนกระทั่งพวกนางไม่สามารถกรีดร้องได้อีก ไทเฮาจึงสั่งให้ปล่อยพวกนางไป
นางมองไปที่สวีจือย่วน พูดอย่างเยาะเย้ย “เจ้าจงจำไว้ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ยังมีสิทธิ์มีเสียงในวังหลัง หากเจ้ากล้าสนิทสนมเหยาเฟยอีก ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ชุยไห่ลากพวกนางออกไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...