รอยยิ้มของเย่จิ่งอวี้จางหายไป
“ส่งมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ขึ้นไปที่ศาลาเล็ก คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นจดหมายให้เย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งอวี้เปิดจดหมายออกแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจัดทันที ตบโต๊ะหินดังปัง
“แค่เมืองเล็กๆ กล้าดีอย่างไรมาขอแต่งงานกับองค์หญิง ช่างไม่สำเหนียกตัวเสียเลย”
อินชิงเสวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา พอจะมองเห็นอะไรอยู่บ้าง ประมาณว่าเจียงวูต้องการแต่งงานกับองค์หญิง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าโจว เพื่อหยุดสงคราม
เมื่อนึกถึงท่าทางที่ไร้เดียงสาและน่ารักของเย่ไห่ถัง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห
“คนชั่วพวกนี้ช่วงบังอาจจิงๆ องค์หญิงแห่งต้าโจวจะอภิเสกสมรสกับชนเผ่าเล็กๆ กับพวกเขาได้รึ”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างจงเกลียดจงชัง “ถูกต้อง หากวันนี้องค์หญิงต้าโจวแต่งงาน พรุ่งนี้พวกเขาจะขอองค์หญิงคนที่สองจากข้าอีก หรือแม้แต่องค์หญิงคนที่สามหรือสี่ด้วยซ้ำ”
“แล้วฝ่าบาทมีแผนจะทำเช่นไรเพคะ”
เย่จิ่งอวี้นวดขมับ ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าจะตอบกลับพวกเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เจ้าก็อย่าอยู่ข้างนอกนานนัก หลังฝนตกอากาศชื้น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็สะบัดชายเสื้อเดินไปจากศาลาหิน
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาเดินไปไกล อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจ
หวังว่าจะชนะได้โดยเร็วที่สุด การแต่งงานของราชวงศ์โบราณมีแต่โศกนาฏกรรม
แม้แต่ซงจ้านกานปู้กับองค์หญิงเหวินเฉิงที่โด่งดังที่สุดก็อาจไม่มีความสุข
ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากทั้งสองฝ่าย ถ้าฝ่ายหนึ่งยัดเยียดให้อีกฝ่ายหนึ่ง นั่นเรียกว่าเอาเปรียบ ไม่ใช่ความรักซึ่งกันและกันเลย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ยิ้มอีกครั้ง นางเป็นเพียงมือใหม่เรื่องความรัก มีสิทธิ์อะไรไปวิจารณ์คนอื่น
หลังจากเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิงไปได้สักพัก ลมก็พัดมาอีกครั้ง อินชิงเสวียนกลัวว่าลูกจะต้องลมหนาว จึงอุ้มเขาเดินกลับตำหนัก ทันทีที่ออกจากสวนบุปผาหลวง นางก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนอย่างมีความสุข “เสด็จพี่สะใภ้!”
เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นเย่ไห่ถังถือว่าวตุ๊กตาน้ำเต้าทันที
“ทำไมวันนี้เสด็จพี่สะใภ้ถึงออกมาได้ล่ะ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลังฝนตกอากาศเย็นสบาย จึงออกมาเดินเล่น แล้วเหตุใดองค์หญิงถึงมาเล่นว่าวที่นี่ได้”
“ที่นี่มีพื้นที่มาก กว้างขวางกว่าหน้าตำหนักของข้าอีก”
เย่ไห่ถังพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นตะโกนใส่ขันทีน้อยที่อยู่ข้างหลัง “เจ้ามาถือไว้ที ข้าอยากไปเล่นกับจ้าวเอ๋อร์”
เสี่ยวหนานเฟิงสนใจว่าว รีบยื่นมือเล็กๆ ออกไปจับทันที
อินชิงเสวียนพาเขาไปใกล้ว่าว แล้วให้เขาจับเล่น
แล้วเย่ไห่ถังก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงมา
ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าโตแล้วค่อยเล่นนะ อาจะเก็บไว้เจ้าอย่างดีเลย”
เสี่ยวหนานเฟิงสนใจว่าวอย่างสมบูรณ์ เขาเงยหน้าเล็กๆ ขึ้นมองท้องฟ้า มืออีกข้างยังไม่ลืมที่จะคว้าผมของเย่ไห่ถัง มองแล้วตื่นเต้นดีใจ จึงคว้าเส้นผมของเย่ไห่ถังจนผมยุ่งไปหมด
อินชิงเสวียนรีบแกะมือเล็กๆ ของเขาออก
“อย่าจับคนแบบนี้นะ ไม่งั้นแม่ข้าจะไม่รักเจ้าแล้ว”
เสี่ยวหนานเฟิงชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง และมีคำพูดออกมาจากปากอีกคำ
“ลอย~”
จู่ๆ เย่ไห่ถังก็รู้สึกมีความสุข หอมแก้มเขาอย่างแรง
“จ้าวเอ๋อร์พูดได้จริงๆ จ้าวเอ๋อร์ฉลาดมาก!”
ขณะที่มองดูสาวน้อยน่ารักคนนี้ อินชิงเสวียนก็ยิ้มอยู่เงียบๆ
ไม่ว่าอย่างไรสาวน้อยน่ารักเช่นนี้จะต้องอยู่ในต้าโจว
แต่แล้วสักพักลมก็แรงขึ้นอีกครั้ง
อินชิงเสวียนกลัวว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะเป็นหวัด ดังนั้นนางจึงพาเขากลับตำหนักจินหวู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...