ไม่สนว่าจะได้ผลหรือไม่ ผูกสัมพันธ์ที่ดีไว้ก่อนจะดีกว่า
อย่างไรเสียฝ่าบาทก็มาที่ตำหนักจินหวูทุกวัน อีกครู่หนึ่งก็จะออกจากราชสำนักแล้ว ซูฉ่ายเวยมาที่นี่ก็เพื่ออยากลองเสี่ยงดู
“ไม่มีปัญหา ตามข้าเข้ามาในตำหนักสิ” อินชิงเสวียนตอบรับอย่างสบายๆ
หากเมินเฉยต่อการหาเงินถือเป็นคนโง่ หนึ่งหรือสองตำลึงก็นับเป็นเงิน
ยายหลี่รีบเข้าไปรับตัวเสี่ยวหนานเฟิง เพราะว่ามีไป๋เสวี่ย วันนี้เจ้าเด็กดื้อตัวน้อยจึงไม่ค่อยร้องหาอินชิงเสวียนมากเท่าไร
ทั้งสองกำลังเดินเข้าตำหนัก กลับได้ยินเซียงหลานร้องตะโกนด้วยความตกใจ “เหนียงเหนียง กระโปรงของท่าน”
“ทำไมงั้นหรือ?”
ซูฉ่ายเวยขมวดคิ้ว จู่ๆ ก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ และอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าตื่นตกใจ
“มีอะไรไหลออกมาใช่หรือไม่?”
เซียงหลานพยักหน้า
ซูฉ่ายเวยรีบถกกระโปรงผ้าแพรของตัวเองขึ้น และได้เห็นรอยเลือดอยู่บนนั้นทันที ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา
“ข้าขอตัวกลับก่อน วันอื่นค่อยมาใหม่”
อินชิงเสวียนกำลังอยากขายผ้าอนามัยพอดี จะปล่อยนางไปได้อย่างไร จึงรีบคว้าแขนของซูฉ่ายเวยเอาไว้
“ไม่เป็นไร ข้าจะนำของดีมาให้เจ้า รับรองว่าเจ้าจะสบายตัวไปทั้งวัน และนอนหลับอย่างดีทั้งคืน”
“แต่กระโปรงของข้า...”
สีหน้าซูฉ่ายเวยแดงก่ำ ลำบากใจอย่างมาก
“ข้ามีกระโปรงผ้าแพรที่เพิ่งทำใหม่หลายผืน เจ้าและข้ามีขนาดตัวพอๆ กัน น่าจะใส่ได้พอดี”
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซูฉ่ายเวยก็อดซาบซึ้งไม่ได้
ในวังมักมีแต่คนที่ประจบสอพลอ ตอนนี้อินชิงเสวียนก็ถือเป็นหัวหงส์ในวังหลัง แต่กลับไม่ได้ทำท่าทีดูถูกเหยียดหยามนางเพราะเรื่องเช่นนี้ แต่กลับมีใจช่วยเหลือนาง ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยเหนียงเหนียงเพคะ”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “เจ้าและข้าเป็นดั่งพี่น้อง มีสิ่งใดที่ต้องเกรงใจกัน รีบตามข้าเข้ามา”
อินชิงเสวียนหากระโปรงผ้าแพรสีชมพูอมเทาในหีบ เสื้อผ้าเหล่านี้กรมวังเป็นผู้ส่งมอบให้ อินชิงเสวียนไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าในหีบนั้นเลย ความจริงเป็นเพราะว่ามันยุ่งยากเกินไปในการสวมใส่ โดยมีสามชั้นด้านในและด้านนอกอีกสามชั้น อากาศร้อนเช่นนี้ ไม่อาจทนไหวจริงๆ
“เจ้าใส่เถอะ ข้าจะไปเอาของดีมาให้”
นางยกห้องให้กับซูฉ่ายเวย และเข้าไปในมิติ จากนั้นก็แกะผ้าอนามัยออกจากกล่อง หยิบออกมาแล้วยื่นให้กับซูฉ่ายเวย
ซูฉ่ายเวยได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เมื่อเห็นผ้าอนามัยก็อดสงสัยไม่ได้
“นี่คือสิ่งใดกัน?”
“นี่สามารถปกป้องเจ้าได้ในทุกเดือน ทุกชิ้นล้วนเป็นของดีที่จะทำให้มีความสุข”
นางหยิบกางเกงชั้นในที่สะอาดออกมาหนึ่งตัว และแสดงให้ซูฉ่ายเวยได้ดู
“สิ่งนี้ป้องกันการรั่วซึมด้านข้างได้ และถูกสุขอนามัยมาก ข้าให้สิ่งนี้กับเจ้า รีบเอาไปลองดูสิ”
ซูฉ่ายเวยเข้าใจในทันที เกรงว่าวันนี้นางต้องล้มละลายอีกแน่นอน
ทว่าของสิ่งนี้ดีมากจริงๆ ในยุคสมัยของพวกนาง เมื่อผู้หญิงมีระดูก็ต้องเย็บผ้าคาดเอวซับระดูด้วยตัวเอง ผู้ที่มีฐานะก็จะวางผืนผ้าเข้าไปด้านใน เมื่อใช้เสร็จก็นำออกมาทำความสะอาด เพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งถัดไป หากว่ายากจนก็ใส่ถุงผ้าที่มีขี้เถ้า ไม่ว่าชนิดไหนก็ป้องกันการรั่วซึมได้
เมื่อเห็นของสิ่งนี้ ก็อดใจเต้นไม่ได้
“เช่นนั้นข้า... ไม่เกรงใจแล้วนะ”
“เกรงใจอะไรกัน พวกเราถือเป็นพี่น้องกัน”
อินชิงเสวียนผลักซูฉ่ายเวยไปยังห้องด้านหลัง และโชคดีที่ซูฉ่ายเวยสวมกางเกงซับในไว้ด้านใน จึงง่ายต่อการสวมใส่
หลังจากลองใช้แล้วก็รู้สึกดีเลยทีเดียว
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะขายของให้นางไม่น้อย แต่ก็คุ้มค่ากับการเสียเงินมาก
เมื่อทำเรียบร้อยแล้ว ซูฉ่ายเวยย่างเท้าก้าวงามเดินออกมาจากห้องด้านหลัง
และกล่าวขอบคุณอินชิงเสวียน “ขอบพระทัยเสด็จพี่เหยาเฟย ไม่ทราบว่าขายให้กับข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะนำกลับไปใช้ด้วยเพคะ”
อินชิงเสวียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปล่งประกาย “ได้แน่นอน หนึ่งแผ่นราคาสิบตำลึง ราคาเป็นกันเองและคุ้มค่ามาก”
อินชิงเสวียนขายสินค้ามักได้เงินหลักร้อยหลักพันตำลึง ของดีขนาดนี้ขายเพียงแค่สิบตำลึงเท่านั้น ซูฉ่ายเวยจิตใจเบิกบานอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็หยิบเงินออกมาสองร้อยตำลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...