นี่คือนัยน์ตาดอกท้อที่มีถุงใต้ตาน่ารักอยู่ใต้ตาทั้งคู่
ซึ่งลักษณะดวงตาเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากยิ่งนัก
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อินชิงเสวียนรู้จักในความทรงจำ
นั่นคืออินสิงอวิ๋น!
เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป นางมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิด!
ครั้นเหลือบไปเห็นคันธนูยาวบนหลังของเขา นางก็รู้สึกสับสนขึ้นอีก
หรือว่าผู้ที่ลอบสังหารเย่จิ่งอวี้เมื่อครั้งที่แล้วจะเป็นเขา?
เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้
นางได้บอกพี่ใหญ่แล้วว่าฝ่าบาทกำลังตรวจสอบเรื่องตระกูลอินอีกครั้ง เหตุใดเขาจึงต้องการลอบสังหารด้วย หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ตระกูลอินก็จะไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้อีกมิใช่หรือ
ในช่วงเวลาที่สับสนอยู่นั้น อินสิงอวิ๋นก็ตบไหล่นาง อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยมือเพื่อปกป้องตัวเอง
อินสิงอวิ๋นก้าวถอยหลังไปหลายจั้งแล้ว จากนั้นก็ตะโกนเสียงทุ้ม “ถอย!”
คนชุดดำที่ติดตามเขาแม้จะไม่ทราบเหตุผล แต่ก็ถอยออกจากวงการต่อสู้ไปพร้อมกับเขา
ร่างงามที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นายท่าน โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก”
“หุบปาก ไป!
อินสิงอวิ๋นเขย่งปลายเท้า แล้วคนก็เหาะออกไปไกล
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มทหารองครักษ์ที่สวมชุดเกราะสีเงินก็เร่งรุดมาถึงที่นี่
สักพักพวกเขาก็มาถึงตีนเนิน
ผู้ที่นำขบวนมาเขาสวมชุดเกราะอ่อนสีเงินแวววาว ครอบศีรษะด้วยกวานสีเงินราวกับหิมะ ท่วงท่าสง่างามเหนือสามัญ
เขาเหยียบเท้าบนโกลนม้า แล้วชายคนนั้นก็ส่งแรงจากเท้าเหาะเหินลงมา ตรงขึ้นไปบนเนินดิน
ตะโกนเสียงเฉียบขาด “จับตัวเหล่าคนอันธพาลไปเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงหลายร้อยเสียงดังประสานกัน และล้อมคนชุดดำเหล่านี้ไว้
จากนั้นคนชุดดำก็ตระหนักได้ว่าผู้ที่มาใหม่คือฮ่องเต้
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่การลอบสังหารเลย แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา ไม่สามารถหลบหนีได้ด้วยซ้ำ!
อินชิงเสวียนรู้สึกดีใจ
นี่คือเสียงของเย่จิ่งอวี้!
จากนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง ก้าวเท้าเดินโซเซ
ให้ตายเถอะ ห้านาทีผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ!
นางรู้สึกเสียดาย แต่ร่างของนางล้มถอยไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้
มือใหญ่อันอบอุ่นพรวดพราดเข้ามาประคองร่างของอินชิงเสวียนไว้ได้
“เสวียนเอ๋อร์!”
เมื่ออินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาที่เป็นกังวลของเย่จิ่งอวี้ทันที
นางยิ้มอย่างอ่อนแรง
“ครั้งนี้โชคดีที่ปฏิบัติภารกิจลุล่วง!”
หลังจากพูดจบนางก็หมดสติไปทันที
“เสวียนเอ๋อร์!”
เย่จิ่งอวี้คิดว่าอินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เขาตะโกนบอกทหารรักษาพระองค์ “หากผู้ใดขัดขืน ฆ่าได้ทันที!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน และล้อมคนชุดดำไว้
เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปช้อนอุ้มร่างของอินชิงเสวียนขึ้นมา และเดินไปสมทบกับเย่จั้น
“เสด็จอาได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
เย่จั้นพูดเรียบๆ และรัดกุม “ไม่มี ฝ่าบาทจะพาคนกลับวังไปตรวจรักษาก่อนเถิด ข้าจะตามไปในไม่ช้า”
เมื่อมองไปยังอินชิงเสวียนที่หมดสติ เย่จิ่งอวี้ก็จิตใจสับสนยุ่งเหยิ่งดั่งด้ายพันกัน
“เช่นนั้นก็รบกวนเสด็จอาแล้ว”
เขากระโดดลงจากเนินดิน ปีนขึ้นไปบนหลังม้า แล้วทหารรักษาพระองค์ก็แบ่งกำลังคุ้มกันเย่จิ่งอวี้กลับวังหลวงทันที
และบนเนินดินมีคนชุดดำที่หลบหนีไปได้เพียงสามคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ถูกจับไปทั้งหมด
เย่จั้นเอื้อมมือออกไปและดึงเสื้อคลุมที่พันรอบเอวออก มองดูคนชุดดำเหล่านี้ด้วยแววตาเยียบเย็น
“จงนำคนเหล่านี้ทั้งหมดไปที่จวนอ๋อง กลับเมือง”
ณ ตำหนักเฉิงเทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...