ในเวลานี้แสงจันทร์ได้เลือนหายเข้าไปในหมู่เมฆ
พื้นพสุธาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอีกครั้ง แล้วทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถมองเห็นกันได้
สามารถมองเห็นมวยผมของอินชิงเสวียนที่ถูกเกล้าขึ้นสูงอยู่รางๆ อันบ่งบอกว่าเป็นเครื่องแต่งกายของบุรุษ!
คนชุดดำอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดหลายคนยกดาบขึ้น สกัดกั้นกระบี่ยาวของคู่ต่อสู้
เสียงโลหะกระทบกันดังก้องหู ทำให้อินชิงเสวียนได้ยินเสียงดังวิ้งในหู แล้วคนชุดดำก็ถูกพลังของกระบี่ผลักออกไป
ทักษะวรยุทธ์ของชายคนนี้ก็สูงมากเช่นกัน เมื่อปลายเท้าจรดพื้น เขากระโดดขึ้นไปในอากาศ และพุ่งเข้าหาทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดอีกครั้ง
ขณะที่ทุกคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด มีคนอีกกลุ่มหนึ่งซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้
คนผู้หนึ่งถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นายท่าน พวกเราจะเริ่มลงมือเมื่อใด”
มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากกิ่งไม้ที่อยู่เหนือศีรษะ
“ไม่ต้องรีบร้อน คอยดูความแข็งแกร่งของเย่จั้นก่อน”
สตรีที่พูดก่อนหน้านี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าสิ่งที่พ่นไฟได้ก่อนหน้านั้นเป็นอะไรกันแน่ ถึงได้มีอานุภาพรุนแรงถึงเพียงนั้น แล้วคนชุดดำเหล่านี้เป็นใคร”
ชายที่อยู่เหนือศีรษะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ทราบ แต่ของสิ่งนั้นมีอานุภาพมากจริงๆ หากใช้ในสนามรบ เกรงว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถต้านทานไว้ได้ หลังจากวันนี้ ต้องทำการสืบเรื่องนี้ก่อน”
เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “ผู้ที่ได้รับการคุ้มครองโดยทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดคือผู้ใดกัน”
“คงมิใช่เย่จิ่งอวี้จริงๆ กระมัง”
ชายคนนั้นแค่นเสียงอย่างเย็นชา “เป็นไปไม่ได้ เย่จิ่งอวี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่มีทางมาเสี่ยงอันตรายที่นี่เด็ดขาด”
ในขณะที่สองคนกำลังพูดกันอยู่นั้น เย่จั้นได้สังหารคนชุดดำสองคนไปแล้ว
เสื้อคลุมสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด และหนึ่งในสองทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดถูกแทงด้วยลูกธนูแหลมคม มีเลือดไหลทะลักออกมาจากแขนราวกับน้ำพุ
นัยน์ตาของเย่จั้นเป็นประกายวาววับ แล้วสั่งการทันที “ไปที่เนินเขาด่วน”
เขาแกล้งทำอุบายหลอกตา บังคับคนชุดดำล่าถอยออกไปหลายก้าว แล้วหิ้วปีกทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา และใช้วิชาตัวเบาไต่ระดับขึ้นไปบนเนิน
“เย่จั้น จะหนีไปไหน วันนี้เจ้าจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่!”
การระเบิดก่อนหน้านี้ทำให้การโจมตีของคนชุดดำช้าลง เมื่อเห็นว่าเย่จั้นเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่ในมือ ความกล้าหาญก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เย่จั้นมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ ไต่ขึ้นไม่กี่ก้าวก็ขึ้นไปถึงบนเนินดินแล้ว
เมื่อเห็นทหารหลายคนได้รับบาดเจ็บ แววตาพลันเย็นชา
“คนขี้เมาหยำเปอย่างพวกเจ้าน่ะรึ อย่าได้หวังว่าจะเอาชีวิตของข้าได้”
เขาพลิกกระบี่ แล้วฟันไปที่คอของคนชุดดำทันที
การลงมือนั้นเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และคมชัดราวกับเสียงฟ้าคำราม
ชายคนนั้นรู้สึกว่าลำคอเย็นเฉียบ แล้วศีรษะของเขาก็กระเด็นขึ้นฟ้า
เมื่อเห็นเย่จั้นสังหารคนผู้หนึ่ง ทหารเปลวเพลิงสิชาดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ตะโกนเสียงดังว่า “ท่านอ๋องเกรียงไกร ท่านอ๋องเกรียงไกร”
อินชิงเสวียนก็ตกตะลึงเช่นกัน
ท่วงท่าอันงดงามยามที่ตวัดกระบี่นั้นยากจะอธิบายเป็นคำพูดจริงๆ!
เป็นเพราะกระบี่นี้ ถึงทำให้นางเริ่มเกิดความลังเล
คนที่มาล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มากประสบการณ์ แม้ว่านางจะได้รับพลังแห่งมิติอันแกร่งกล้า แต่นางก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากเพียงใด อีกทั้งคนเหล่านี้ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนจำพวกเสวียนเจิน ความแข็งแกร่งของนางเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาแล้ว จะมีประโยชน์หรือไม่
ทันใดนั้น คนชุดดำก็ล้มลงไปอีกสองคน
เมื่อเห็นว่าเย่จั้นควบคุมสถานการณ์ได้ อินชิงเสวียนจึงค่อยรู้สึกสบายใจ
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ นางไม่ต้องใช้พลังมิติจะดีกว่า อย่างแรกจะได้ไม่สิ้นเปลืองคะแนน อีกอย่างคือยากที่จะอธิบาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สถานการณ์การต่อสู้จะสงบลงหนึ่งนาที ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
เสียงแหลมคมทะลุผ่านอากาศดังมาจากท้องฟ้า และลูกธนูแหลมคมที่ย้อมด้วยพิษสีเขียวก็มุ่งตรงไปยังเย่จั้น
เย่จั้นกำลังต่อสู้กับชายสองคนชุดดำ เมื่อเขาได้ยินเสียงแหวกอากาศ เขาก็เตะศพจากพื้นขึ้นมา แล้วลูกธนูก็พุ่งเข้าที่หน้าอกของศพทันที แรงมหาศาลทำให้ลูกธนูปักเข้าไปในอก เหลือเพียงขนหางเท่านั้นสั่นเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...