ตอน บทที่ 260 เจ้าอยากรู้จริงรึ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 260 เจ้าอยากรู้จริงรึ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าของอีกวันแล้ว
เบื้องหน้ามีผ้าโปร่งสีแดงตกลู่ลงมา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างนอกรางๆ
“ใคร”
“เจ้าตื่นแล้ว?”
คนผู้นั้นหันกลับมา เปิดผ้าโปร่งขึ้น แล้วใบหน้างามสดใสก็ปรากฏในคลองสายตาของอินชิงเสวียน ซึ่งก็คือสวีจือย่วนนั่นเอง
“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”
อินชิงเสวียนอยากจะนั่งขึ้น แต่แล้วนางก็ตระหนักว่ามือและเท้าถูกมัดอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ที่นี่คือที่ไหนกันแน่”
สวีจือย่วนยื่นมือออกมากดตัวอินชิงเสวียนไว้ ลงแล้วพูดด้วยกระเสียงเนิบช้า “ที่นี่คือเรือนจุ้ยหง เจ้านอนลงก่อนสักครู่เถอะ”
“อินสิงอวิ๋นพาข้ามาที่นี่รึ” อินชิงเสวียนมองนาง แล้วเอ่ยถามขึ้น
สวีจือย่วนพยักหน้า “อืม”
คิ้วของอินชิงเสวียนขมวดเป็นปมแน่นขึ้นอีก
“เจ้าก็โดนเขาจับเหมือนกันหรือ”
สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก แล้วกระซิบ “ข้าขอร้องให้เขาพาข้าออกมาด้วย”
อินชิงเสวียนตกตะลึง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าถ้าออกจากวังโดยพลการ จะเดือดร้อนพ่อแม่ไปด้วย”
สวีจือย่วนถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “หากวันหนึ่งข้าถูกจับกลับวัง ข้าก็แค่บอกว่าข้าถูกลักพาตัว หรือบางทีเราอาจจะไปจากเมืองหลวงด้วยกันก็ได้”
คิดหนีงั้นหรือ
ความคิดของคนมีความรักช่างน่ากลัวจริงๆ!
หากฮ่องเต้รู้ว่าสนมหายออกจากวังสองคน คงต้องพลิกเมืองหลวงค้นหาไปทั่วเมืองแล้ว
เพียงว่านี่คือความคิดของสวีจือย่วน อินชิงเสวียนจะหว่านล้อมมากก็ไม่ได้
“อินสิงอวิ๋นล่ะ ข้าอยากเจอเขา”
สวีจือย่วนพูดว่า “คุณชายใหญ่ออกไปแล้ว ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้าหิวหรือไม่”
อินชิงเสวียนบิดตัวอยู่บนเตียงเหมือนกุ้ง
“เขาให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าแบบนี้หรือ”
สวีจือย่วนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เขากลัวว่าเจ้าจะหนีไป ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าอดทนไปก่อนเถอะ”
อินชิงเสวียนพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าอินสิงอวิ๋นใส่ยาเสน่ห์ชนิดใดให้สวีจือย่วนกิน นางถึงได้เชื่อฟังถึงขนาดนี้
“เขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าจะเอาอาหารมาให้เจ้านะ”
สวีจือย่วนพูดจบก็ลุกออกไป
อินชิงเสวียนลองบิดตัว แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้เลย สิ่งที่ผูกนางไม่ใช่เชือกธรรมดา แต่เป็นโซ่เหล็กเนื้อดีที่มีขนาดเส้นหนาเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ นางจึงหนุนหมอนนอนเสียเลย แล้วเริ่มไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
พลังแห่งมิตินั้นแข็งแกร่งมาก น่าจะสามารถตัดโซ่ตรวนให้ขาดได้อยู่แล้ว แต่นางอยากรอให้อินสิงอวิ๋นกลับมาก่อน ดูว่าเขาคิดอย่างไรกันแน่
หากความคิดไม่ตรงกันจริงๆ งั้นก็ทำได้แค่หยุดร่วมงานกันเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงยังคิดที่จะช่วยเหลือเขาอยู่บ้าง
ขณะที่คิดอยู่ ประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยด
ฟางรั่วสวมชุดผ้าโปร่งสีดำเดินเข้ามาจากด้านนอก
“เจ้าตื่นแล้วหรือ”
ฟางรั่วมาที่เตียงแล้วถามเบาๆ
อินชิงเสวียนถามอย่างเย็นชา “เจ้ากับอินสิงอวิ๋นเป็นพวกเดียวกันรึ”
ฟางรั่วคลี่ยิ้มบางๆ ก้มมองดูนางในตำแหน่งที่อยู่สูงกว่า
“อย่าพูดไม่น่าฟังสิ พวกเราก็แค่มีปณิธานเดียวกันเท่านั้น”
อินชิงเสวียนหรี่ตาถามว่า “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ที่จะซื้อเมล็ดพันธุ์ก่อนหน้านี้ก็เป็นความคิดของเขา?”
เมื่อวันนี้ได้เห็นฟางรั่ว อินชิงเสวียนก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้หลายเรื่อง
หากนางเดาไม่ผิด เกรงว่าอินสิงอวิ๋นอาจจะเตรียมที่จะก่อกบฏจริงๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญ อินชิงเสวียนก็พอจะเข้าใจได้บ้าง แต่กลับไม่เห็นด้วยเลย
ถ้าหมดหนทางจริงๆ ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ใกล้จะมองเห็นแสงตะวันแล้ว เขากลับยังคงทำเรื่องลวงให้เป็นจริงเรื่องจริงให้กลายเป็นลวง เหมือนเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด
ไม่รู้ว่าเย่จิ่งอวี้สังเกตเห็นว่านางหายตัวไปหรือไม่ เขาจะสงสัยสวีจือย่วนหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นางคือคนที่มาตามตัวเองไป เขาไม่ทำอะไรกับพ่อแม่ของสวีจือย่วนหรอกนะ
อินชิงเสวียนครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ไหนเลยจะมีอารมณ์มากินข้าวอีก
สวีจือย่วนกลับมีสีหน้าสงบ นั่งข้างเตียงแล้วพูดหว่านล้อมเบาๆ “เจ้าควรกินเสียบ้าง ถ้าคุณชายใหญ่กลับมาแล้วรู้เจ้าไม่ได้กินข้าว เขาจะต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ข้ามองออก ว่าเขาห่วงใยเจ้ามาก”
“เจ้ากินเองเถอะ”
อินชิงเสวียนพูดจบก็หลับตาลง
สวีจือย่วนถอนหายใจ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร และแล้วหนึ่งชั่วยามก็ผ่านไปในพริบตา
เมื่อถึงยามเที่ยง เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอก แล้วอินสิงอวิ๋นก็เปิดประตูเดินเข้ามา
“คุณชายใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว”
สวีจือย่วนลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองไปยังอินสิงอวิ๋นด้วยความตื่นเต้น
“อืม”
อินสิงอวิ๋นเหลือบมองโจ๊กบนโต๊ะ
“นางไม่กินหรือ”
สวีจือย่วนหันหน้าไปทางเตียงแล้วพูดเสียงอ่อนโยน “บอกว่าไม่หิว”
“อืม เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับชิงเสวียนตามลำพัง”
อินสิงอวิ๋นพูดเบาๆ จากนั้นยกมือเปิดม่านขึ้น
ขณะเดียวกันอินชิงเสวียนก็ลืมตา ถามอย่างดุดัน “อินสิงอวิ๋น ท่านต้องการทำอะไรกันแน่ จดหมายโต้ตอบของตระกูลอินเป็นของท่านใช่หรือไม่ เป็นเพราะท่านลอบส่งข้อมูลกับราชวงศ์เจียงวู เพราะจะใส่ร้ายตระกูลอินงั้นรึ”
อินสิงอวิ๋นดึงม่านขึ้น ดึงเสื้อคลุมขึ้น แล้วนั่งข้างเตียง
เขาค่อยๆ เอื้อมมือออกไป จับปอยผมที่ตกลู่ลงบนแก้มของอินชิงเสวียนทัดหลังใบหูของนาง
อินชิงเสวียนหลบเลี่ยงมือของเขา พูดด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ข้ากำลังถามท่านอยู่ ตอบข้าสิ!”
มือของอินสิงอวิ๋นค้างอยู่ในอากาศครู่หนึ่ง แล้วดวงตาลึกล้ำของเขามองไปที่อินชิงเสวียน
“น้องสาวของข้าช่างเลือดเย็นเสียจริง ไยจึงทำเช่นนี้กับพี่ใหญ่ได้”
เขาถอนหายใจแล้วถามอีกครั้ง “เจ้าอยากรู้จริงหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...