หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว อินชิงเสวียนก็เริ่มลังเลอีก
จะออกจากวังก็ต้องมีเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมได้จริงๆ
จะบอกว่าไม่ได้พบหน้าเย่จิ่งอวี้เพียงครู่เดียว รู้สึกเหมือนไม่ได้พบกันเนิ่นดั่งผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง จึงอดไม่ได้ที่จะมาหาเขา ก็คงไม่ได้
ขืนพูดออกไปเช่นนั้นคงน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น
ถ้าบอกว่าไปเยี่ยมเย่จั้น นั่นก็ยิ่งดูเหลวไหลไปกันใหญ่
ภรรยาของหลานชายไปพบเสด็จอาตอนกลางดึก จะให้เย่จิ่งอวี้คิดอย่างไร
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็ถอดชุดเงียบๆ
กว่านางได้รับความไว้วางใจจากเย่จิ่งอวี้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ เพื่อให้พลิกคดีของตระกูลอิน จะต้องอดใจไว้ อย่าทำลายแผนใหญ่
แต่กลับเห็นเสี่ยวอานจื่อเดินเข้ามาจากประตู
“พระสนม นายหญิงสวีกำลังรออยู่ด้านนอกตำหนัก บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมไม่ให้นางเข้ามาล่ะ”
เสี่ยวอานจื่อกล่าวว่า “ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา”
เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ตัวเองฝากฝังให้เย่จิ่งอวี้ช่วยดูแลเสี่ยวหนานเฟิงให้ดี นางจึงยืนขึ้นและพูดว่า “รู้แล้ว ข้าจะออกไปดูว่านางมีเรื่องอะไร”
เมื่อข้ามาถึงประตูตำหนัก ก็เห็นสวีจือย่วนในชุดกระโปรงเรียบๆ
“ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้พระสนมออกจากวัง ได้เผชิญหน้ากับนักฆ่า พระสนมเป็นอะไรหรือไม่”
สวีจือย่วนมองสำรวจนางขากบนลงล่าง น้ำเสียงเจือความกังวลอย่างสุดซึ้ง
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ข้าดวงแข็งจะตาย”
“งั้นก็ดีแล้ว”
สวีจือย่วนจับมือของอินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “หากพระสนมยังไม่ง่วง ก็เชิญไปนั่งเล่นที่หอสุ่ยอวิ้นสักครู่เถอะ ข้าคิดถึงเจ้า อยากคุยกับเจ้าหน่อย”
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองสวีจือย่วน ส่งคำถามด้วยแววตา
สวีจือย่วนเข้าใจ จึงพยักหน้าเบาๆ
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ได้ งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองเร่งรุดไปทันที เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงหอสุ่ยอวิ้น
สวีจือย่วนบอกกับหานปิงว่า “ข้ามีเรื่องในใจจะคุยกับพระสนม เจ้ากับเสี่ยวอานจื่อรออยู่ข้างนอกเถอะ”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”
แล้วอินชิงเสวียนก็ตามสวีจือย่วนเข้าไปในห้อง
ข้างฉากกั้นลมในห้องโถง มีชายร่างสูงกำยำที่สวมชุดพรางตัว
เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง ราวกับว่าเขากำลังชื่นชมภาพวาดทิวทัศน์บนฉากกั้นลม เมื่อดิ้นเสียงฝีเท้าก็หันกลับมาทันที
ซึ่งก็คืออินสิงอวิ๋น!
อินชิงเสวียนอ้าปากค้าง อยากตะโกนเรียกพี่ใหญ่ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ส่งเสียงใดๆ
อินสิงอวิ๋นประกบมือคารวะไปยังสวีจือย่วน
“คุณหนูสวีโปรดให้เราสองพี่น้องได้คุยกันตามลำพัง ข้ามีเรื่องสำคัญต้องถาม”
สวีจือย่วนเหลือบมองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน
นางพูดเสียงอ่อนหวาน “ได้ ข้าจะเฝ้าอยู่ที่โถงด้านนอกให้พวกเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...