ฟางรั่วค้นหาไปรอบๆ แล้ววิ่งออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว
อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
หลังจากนั้นไม่นาน ฟางรั่วก็กลับมา และคนที่กลับมากับนางก็คือชายมีหนวดเคราคนก่อนหน้านี้ ดูท่าแล้วอ๋องขยะนั่นไม่น่าจะอยู่ที่นี่
เมื่อมองดูโซ่บนเตียง ฟางรั่วทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ถามอย่างเย็นชา “เพราะเจ้าเผลอหลับไป ปล่อยให้นางแอบออกไปได้น่ะสิ”
ชายที่มีหนวดเคราพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ข้าเฝ้าประตูทางออกไว้ตลอด ไม่เห็นใครผ่านมาเลย ต้องเป็นเจ้าเพราะเจ้าที่เฝ้าไม่ดี ปล่อยให้นางหนีไปที่อื่น”
ฟางรั่วพูดด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง “เป็นไปไม่ได้ นางไม่มีทางรู้จักทางออกนั้น”
ชายมีหนวดเคราพ่นหายใจขึ้นจมูก แล้วพูดว่า “แล้วเจ้าคิดว่าคนหายไปไหนล่ะ”
เขาเหลือบมองฟางรั่ว แล้วพูดเยาะเย้ย “หรือเจ้ากลัวจริงๆ ว่านายท่านจะพานางกลับไปที่เจียงวู เจ้าจึงแอบปล่อยนางไป”
ฟางรั่วโกรธขึ้นมาทันที
“ปล่อยบ้านเจ้าน่ะสิ ข้าแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้เสียเมื่อไหร่”
ชายที่มีหนวดเคราพูดว่า “เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้หรอก ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าชอบนายท่าน”
ฟางรั่วชักกระบี่ออกมาทันที ตะโกนอย่างดุเดือด “เจ้าลองพูดอีกทีซิ”
ชายที่มีหนวดเคราปิดปากทันที
ฟางรั่วแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา พูดขึ้นว่า “ที่นี่มีเพียงสองทางออกเท่านั้น เจ้ากับข้าแยกย้ายกันไปตามหา ต้องตามหานางให้พบก่อนที่นายท่านจะกลับมา”
ชายที่มีหนวดเครามองฟางรั่วอย่างเกลียดชัง แล้วก็ออกจากห้องไป
ฟางรั่วก็เก็บกระบี่กลับที่เดิม และจากไปอย่างรวดเร็ว
อินชิงเสวียนออกจากมิติทันที ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนต่างแคว้นอยู่แล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นนางเข้าไปในมิติก็ไม่เป็นไร
นางหลบเร้นออกจากประตูหิน แล้วมองดูที่ประตูทางเข้าอย่างละเอียด จากนั้นนางก็พบว่ามีทางเดินแคบๆ ทางด้านซ้ายที่ถูกคลุมไว้ด้วยหญ้าคาแห้งๆ และเนื่องจากไม่มีไข่มุกราตรี อินชิงเสวียนจึงสังเกตไม่เห็นทางนั้น
อินชิงเสวียนย้ายหญ้าคาออกแล้วเดินตามไป ถนนสายนี้แคบกว่าเส้นทางที่เดินมา มีกลิ่นอับชื้น และมืดมาก แทบจะมองไม่เห็นนิ้วของตัวเองด้วยซ้ำ
อินชิงเสวียนหยิบตะบันไฟออกมา แล้วมองสำรวจอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นๆ ดังมาจากด้านหน้า
“อินชิงเสวียน เจ้าอยู่ที่นี่เอง”
อินชิงเสวียนรู้สึกเกร็งและตกใจเมื่อได้ยินเสียงนั้น เมื่อยกตะบันไฟขึ้น นางก็เห็นคนคนหนึ่งยืนห่างออกไปห้าเมตร
คนผู้นี้สวมชุดกระโปรงยาวสีดำ ในมือถือกระบี่เหล็กสีดำ ใบหน้าขาวนวลนั้นไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฟางรั่วนั่นเอง
อินชิงเสวียนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ฟางรั่วได้ชี้กระบี่ตรงเข้ามาแล้ว
วินาทีต่อมา คนก็หายวับไป
ฟางรั่วขยี้ดวงตา
หรือว่าตัวเองตาฝาด?
แต่คนที่ถือตะบันไฟเมื่อครู่คืออินชิงเสวียนชัดๆ!
ในเวลานี้ อินชิงเสวียนได้เข้าไปในมิติแล้ว
เมื่อเห็นฟางรั่วมองไปทางซ้ายทีขวาที จนถึงขั้นเคาะไปที่กำแพง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ฟางรั่วยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก และในที่สุดก็คิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาดไปเอง
ที่ตรงแคบมาก ไม่มีรูหรือโพรงใดๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่มีที่ซ่อน ต้องเป็นเพราะตัวเองอยากจับตัวนางมากเกินไป ถึงได้เห็นภาพลวงตาเช่นนี้
นางเก็บกระบี่กลับ แล้วเดินต่อไป
อินชิงเสวียนออกมาจากมิติอีกครั้ง
เมื่อฟางรั่วได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับมาทันที
อินชิงเสวียนที่อยู่ข้างหลังนาง มือข้างหนึ่งเท้าสะเอว อีกข้างก็โบกมือไหวๆ ใส่นาง
“ฟางรั่ว ข้าอยู่ตรงนี้ล่ะ!”
“เมื่อครู่เจ้าไปซ่อนที่ไหน”
ฟางรั่วรีบวิ่งไปหานางทันที
แล้วอินชิงเสวียนก็เข้ามาในมิติอีกครั้ง
เมื่อเห็นคนตรงหน้านางหายไปอย่างกะทันหัน ฟางรั่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกประหม่า นางยืนอยู่ที่ทางเดินแล้วตะโกน “อินชิงเสวียน อย่าแกล้งเป็นผีหลอกข้า ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของฟางรั่วซีดลง อินชิงเสวียนเดาว่านางกลัว จึงแกล้งให้นางตกใจเล่นเฉยๆ
จากนั้นก็โผล่หัวออกมาจากมิติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...