ประกายสีเงินวาววับ แล้วก็มีกระบี่ยาวแทงสวนเข้ามาจากด้านนอกประตู อินชิงเสวียนไม่กล้าแตะต้องกระบี่โดยตรง จึงถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องทันที
ฟางรั่วชักกระบี่ออกมาแล้วปรี่เข้าไปทันที
“เจ้ากล้าหนีรึ”
อาซือหลานหายแวบไปอีกด้าน หรี่ตามองไปยังอินชิงเสวียนอย่างพิจารณา
เมื่อเห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะ ไม่รู้จักการตอบโต้ด้วยกระบวนท่า อาศัยเพียงการโหมโจมตีด้วยกำลังดุร้าย ทันใดนั้นก็ทราบชัดเจนทันที
นางอาจมีแค่กำลังภายใน แต่ไม่รู้จักเพลงยุทธ์ด้วยซ้ำ
เพียงแต่นางอายุเท่านี้ แต่ไปฝึกฝนกำลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้มาจากไหนกัน
อินชิงเสวียนก็รู้สึกกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผาอยู่ครามครัน ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางจะไม่มีประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่ว่าทักษะวรยุทธ์จะดีแค่ไหนแต่ก็ต้องกลัวคนจนตรอกที่ทุ่มสุดกำลัง
เมื่อเห็นฟางรั่วถือกระบี่ยาวเดินกดดันเข้ามาราวกับพยัคฆ์คำรามลม อินชิงเสวียนทำได้เพียงหลบหลีกไปมา ไม่กล้าที่จะลงมือต่อสู้เลย เพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง ฟางรั่วจะตัดแขนของตัวเองทิ้ง
อาซือหลานก็เห็นถึงจุดสำคัญตรงนี้เช่นกัน จึงดึงกระบี่อ่อนที่คาดเอวออกมาทันที
พวกเขาทั้งสองต่างกดดันอย่างหนัก พริบตาเดียวก็บีบอินชิงเสวียนให้จนมุมได้ทันที
ในขณะเดียวกันก็หมดเวลาห้านาทีแล้ว
อินชิงเสวียนรู้สึกว่าขาของนางเริ่มอ่อนแอ จึงทรุดนั่งลงบนพื้น
ฟางรั่วหยุดการโจมตีของตัวเองไม่ทัน ปลายกระบี่ได้ตรงเข้าไปยังลำคอของอินชิงเสวียน แต่แล้วกระบี่อ่อนก็โผล่ออกมา และปลายกระบี่ของฟางรั่วก็เบี่ยงออกไปหลายนิ้ว
ฟางรั่วขมวดคิ้ว “นายท่าน”
อาซือหลานพูดเรียบๆ “ถอยออกไปก่อน”
ฟางรั่วกังวลเล็กน้อย แต่ยังคงถอยออกไปตามคำสั่ง
อาซือหลานเก็บกระบี่อ่อน แล้วก้มมองดูอินชิงเสวียน
“หรือว่าพลังยุทธ์ของเจ้ามีเวลาจำกัด?”
อินชิงเสวียนขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา นางเอนหลังพิงกำแพงหายใจเหนื่อยหอบ
อาซือหลานสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าอินชิงเสวียนไม่มีแรงโจมตีแล้ว จึงค่อยๆ ก้มลง
“มาเถอะ ข้าจะช่วยลุกขึ้น”
ทันใดนั้นแววตาของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป นางกระโดดขึ้นจากพื้น และรัดคอของอาซือหลานอย่างแรง
นี่คือการแลกคะแนนจากระบบเป็นครั้งที่สอง
“ส่งข้าออกไป ไม่งั้นข้าจะบีบคอท่านให้ตาย”
รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก อาซือหลานถึงกับยังได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองหัก ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
“เจ้าเป็น...”
“หยุดพูดไร้สาระ ไปเร็ว”
อินชิงเสวียนรัดคอของเขาแล้วเดินออกไป พอฟางรั่วได้ยินเสียงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อนางเห็นอาซือหลานถูกอินชิงเสวียนรัดคอ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความตกใจ “บังอาจ รีบปล่อยนายท่านของเราเดี๋ยวนี้นะ”
อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้ากล้าพูดอีกคำหนึ่ง ข้าจะบีบคอเขาทันที”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันนี้นางต้องออกไปให้ได้
ถ้ากวนฮั่นหลินและเย่จั้นตายจริงๆ ต้าโจวจะตกอยู่ในอันตราย
อาซือหลานขมวดคิ้ว
“ฟางรั่ว ถอยออกไป”
ฟางรั่วไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลีกทาง
อินชิงเสวียนแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วผลักอาซือหลานออกไปที่ทางเดิน
อินชิงเสวียนสามารถแลกพลังได้เพียงห้านาที และการเดินออกจากอุโมงค์นี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบห้านาที
ซึ่งหมายความว่านางต้องแลกพลังของนางถึงสี่ครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนถึงแม้ต้องใช้คะแนนเดียวนางก็คงจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
ตอนนี้นางไม่มีเวลาสนใจอะไรมากนัก ในเมื่อทะลุมิติมาต้าโจว เช่นนั้นนางก็ต้องทำให้ต้าโจวสงบสุข
ระหว่างทาง อินชิงเสวียนแลกเปลี่ยนพลังอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางแลกเปลี่ยนครั้งที่ห้าสำเร็จ นางก็มองเห็นทางออกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...