เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่จิ้งเสียนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
ดึกดื่นป่านนี้ ฝ่าบาทกลับเรียกหาซูฉ่ายเวย หรือว่าต้องการให้หญิงสารเลวนั้นมาเข้าเฝ้าหลับนอนด้วยอย่างนั้นหรือ?
หากนางได้มาเข้าเฝ้า เช่นนั้นแล้ววังหลังยังจะมีที่ว่างให้ตนได้อย่างไร
นางรีบเอามือกุมท้องแล้วส่งเสียงร้องโอดโอย
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บเหลือเกินเพคะ"
ชุ่ยจู๋ร้องขึ้นทันที "ฝ่าบาททรงโปรดช่วยเหลือพระสนมด้วยเพคะ พระสนมอาการโรคหัวใจกำเริบอีกแล้วเพคะ"
เย่จิ่งอวี้ยืนนิ่ง แววตาถากถาง
พูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า "ทหาร รีบพาสนมเสียนเฟยไปหาหมอหลวงเดี๋ยวนี้"
ลู่จิ้งเสียนเอามือกุมอก พูดน้ำเสียงสะอึกสะอื้น "ฝ่าบาท อยู่กับหม่อมฉันเถอะนะเพคะ"
เย่จิ่งอวี้คำรามเสียงเย็น "ข้าไม่ใช่หมอ อยู่กับเจ้าจะช่วยอะไรได้"
"ฝ่าบาท!"
ลู่จิ้งเสียนไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง แต่ถูกขันทีหลายคนหามขึ้นมา ลู่จิ้งเสียนโมโหจนแทบกระอักเลือด ทั้งก่นด่าทั้งดีดดิ้น
"ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมดเดี๋ยวนี้"
ในขณะเดียวกัน ขันทีที่ต้องไปรับซูฉ่ายเวยก็มาถึงหอฉงฮวา
ซูฉ่ายเวยกำลังหลับสบาย จู่ ๆ ก็ได้ยินว่าฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้าก็ตื่นเต้นดีใจจนตกลงจากเตียง
"เร็วเข้า รีบแต่งหน้าแต่งตัวให้ข้าเร็วเข้า...."
อินชิงเสวียนนอนไม่หลับในค่ำคืนนั้น ก็ผ่านไปอย่างโกลาหลเช่นนี้
หลี่เต๋อฝูคิดว่าฮ่องเต้เข้าพบซูฉ่ายเวยจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าวันรุ่งขึ้นกลับแย่ลง เขาปัดถาดอาหารทิ้งอย่างหงุดหงิด
ทุกคนต่างพากันตกใจคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นเทา ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
เป็นเวลานานกว่าที่เย่จิ่งอวี้จะมองเห็นคนที่คุกเข่าเหล่านั้น
น้ำเสียงเบาลงเล็กน้อย "พวกเจ้าออกไปเถอะ"
หลี่เต๋อฝูโบกมือ ทุกคนต่างพากันเดินออกจากตำหนักเฉิงเทียนไป
หลี่เต๋อฝูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ บากหน้าเดินเข้าไปถามว่า "ฝ่าบาท พระองค์ทรงกริ้วด้วยเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
เย่จิ่งอวี้นิ่งงันอยู่นาน จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่า "ไปตรวจดูสมุดบันทึกขันทีฝ่ายในให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากรู้ว่าช่วงนี้มีใครออกจากวังบ้าง"
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เต๋อฝูมิอาจรอช้า ฮ่องเต้ทรงกริ้วถึงเพียงนี้ คงไม่พ้นเรื่องขันทีหนุ่มผู้นั้นเป็นแน่
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลี่เต๋อฝูก็ถือสมุดบันทึกกลับมาและเรียกให้ทุกคนที่ออกจากวังไปที่ตำหนักเฉิงเทียน
เย่จิ่งอวี้มองดูผ่าน ๆ ก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
"มีแค่นี้เองหรือ?"
หลี่เต๋อฝูเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มแห้ง ๆ พลางกล่าวว่า "ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ทุกคนที่ออกไปได้ถูกลงชื่อไว้หมดแล้ว"
เย่จิ่งอวี้คำราม "ไปตรวจดูอีกครอบ หากมีใครกล้าลักลอบออกจากวังไป จะถูกประหารทันที"
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เต๋อฝูบอกให้ทุกคนออกจากตำหนักเฉิงเทียน
เย่จิ่งอวี้หรี่ตามองดูต้นท้อที่หน้าตำหนัก สายตาเหม่อลอย
เจ้าขันทีสมควรตายนี่จะติดปีกหนีไปได้อย่างนั้นเชียวหรือ?"
……
ณ วังเย็น
อินชิงเสวียนกำลังหอบหิ้วสิ่งของมากมายเดินออกไป
ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ข้าวสาลี หรือองุ่นต่างก็สุกได้ที่ อินชิงเสวียนแลกทุกอย่างมาจากระบบ แล้วใส่ลงในกะละมังขนาดใหญ่
อวิ๋นฉ่ายไม่เคยเห็นข้าวสารมาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นผลองุ่น อดสงสัยขึ้นไม่ได้
"พระสนม ของพวกนี้มันคืออะไรหรือเพคะ?"
อินชิงเสวียนอธิบายอย่างใจเย็น "นี่คือข้าวสาร นี่คือองุ่น ส่วนนี่คือหัวหอมเอาไว้ใช้สำหรับปรุงรส"
อวิ๋นฉ่ายตื่นเต้น นางรู้จักหัวหอม แต่ไม่เคยได้ยินข้าวสารกับองุ่นมาก่อน
อินชิงเสวียนเด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่งแล้วส่งให้อวิ๋นฉ่ายลองลิ้มรส อวิ๋นฉ่ายยิ้มตาหยีขึ้นมาทันที
"พระสนม หวานจังเลยเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...