สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 280

เย่จั้นนั่งลงบนเตียงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลย จ้าวเอ๋อร์ยังอยู่ดีในตำหนักจินหวู”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ค่อยๆ วางมือลงแล้วพึมพำ “ดีแล้ว ดีแล้ว!”

เย่จั้นล้วงถุงผงสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ แล้วช่วยประคองเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างระมัดระวัง

“ฝ่าบาทเสวยยาเหล่านี้ด้วย พระอาการจะได้ดีขึ้นโดยเร็ว”

เขารู้ว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นคนเฉลียวฉลาด ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หลี่เต๋อฝูทุบเม็ดยาให้เป็นผงละเอียด

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองแล้วถามว่า “นี่คือยาอะไร”

เย่จั้นกล่าวอย่างขัดเจตนาว่า “เป็นยาที่หมอเท้าเปลือยจากนอกวังเก็บไว้ให้น่ะ หากฝ่าบาทได้เสวยแล้ว อาการจึงจะดีขึ้น”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า กินยาแล้วหลับไปอีกครั้ง

ในเวลานี้เอง ข่าวที่ฝ่าบาททรงฟื้นได้แพร่กระจายออกไป

ทันใดนั้นไทเฮาก็เดินกลับไปกลับมาอยู่ในตำหนักเหมือนหนูติดจั่น

“เด็กนี่โชคดีจริงๆ ได้ยินว่าถูกพิษจากดีนกยูงไม่ใช่หรือ หมอหลวงเหล่านั้นบอกข้าว่า เมื่อพิษนั้นเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะหมดทางเยียวยา เหตุใดเขาถึงฟื้นขึ้นมาได้อีก”

ชุยไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าที่ปริปากเอ่ยคำใด

ทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นได้ จึงพูดออกมาว่า “กระหม่อมได้ยินมาจากคนในตำหนักเฉิงเทียนบอกว่า ตอนนั้นเย่จั้นพาคนผู้หนึ่งเข้ามาในวังในคืนนั้นด้วย จากนั้นพิษที่ฝ่าบาทได้รับก็ถูกขจัดออกไป คงได้พบคนที่มีความสามารถอยู่ข้างนอกวังกระมัง”

ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเกลียดชัง “เย่จั้นคนนี้ เขาควรจะจากไปนานแล้ว แต่กลับยังถ่วงเวลาไม่ยอมไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าก็ไม่ต้องจนมุมเหมือนถูกมัดแขนขาขนาดนี้”

เมื่อนึกถึงความล้มเหลวเรื่องตำหนักจินหวู ไทเฮาก็ยิ่งโกรธมาก

ชุยไห่พูดด้วยท่าทางประจบประแจง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาสร้างเรื่องขึ้น ให้เขาจากไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเขาออกจากเมืองหลวง เหลือเพียงฝ่าบาทที่ป่วยร่างกายอ่อนแอ เรื่องจะไม่ง่ายขึ้นกว่าเดิมหรือ”

ไทเฮาหันกลับมาถามทันทีว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

ชุยไห่โน้มตัวไปทันที แล้วกระซิบกับไทเฮาสองสามคำ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไทเฮาก็กระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ

“คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งคนหัวทึ่มเช่นเจ้าจะมีประโยชน์บ้างเหมือนกัน ในเมื่อเจ้าคิดว่าเป็นไปได้ เช่นนั้นก็ส่งคนไปแจ้งเย่าเอ๋อร์เถอะ”

ในเวลานี้ เย่จิ่งเย่ากำลังอยู่ที่จวนเสนาบดีพอดี

พอรู้ว่าฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็เปลี่ยนเป็นเขียวขุ่นด้วยความโกรธ

เขากัดฟันพูดว่า “เขาฟื้นแล้วจริงๆ”

กวนเมิ่งถิงลูบเครา แล้วพูดด้วยอารมณ์สะท้อนใจ “ฝ่าบาทดวงแข็งจริงๆ ถูกพิษดีนกยูงแล้วแท้ๆ ยังสามารถรอดพ้นขีดอันตรายได้”

ด้านนอกประตู อาโฉ่วที่กำลังเล่นปาเป้าลงคนโทอยู่กับกวนลี่จือ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แววตาพลันไหววูบเล็กน้อย

ต้าโจวมีผู้ที่สามารถขจัดพิษดีนกยูงได้ด้วยงั้นหรือ

คนเก่งกาจผู้นั้นเป็นใครกัน

เมื่อเห็นอาโฉ่วยืนเหม่ออยู่ กวนลี่จือก็เตะเขาทันที

“ข้าบอกให้เจ้าถือคนโทไว้ เจ้ามามองหน้าข้าทำไม”

“ขอรับ บ่าวผิดไปแล้ว”

อาโฉ่วรีบก้มศีรษะลง แล้วถือคนโทขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจัง

ครั้นจึงได้เย่จิ่งเย่าแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ต่อให้เขาฟื้นแล้วอย่างไรล่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกเหยาเฟยแทงเข้าที่หัวใจได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังมีรอยโรคทิ้งไว้ ข้าต้องอดทนไปก่อน”

กวนเมิ่งถิงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ หากฝ่าบาทยังคงป่วยอาการไม่ดีขึ้น ถึงอย่างราชสำนักก็ต้องการคนที่จะมาจัดการราชกิจ ท่านอ๋องสามารถใช้โอกาสนี้ปีนขึ้นที่สูง และกลับเข้าสู่ราชสำนักได้”

สีหน้าของเย่จิ่งเย่าอ่อนลงเล็กน้อย “ที่ท่านเสนากล่าวก็มีเหตุผล”

จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกแทงด้วยฝีมือของเหยาเฟยที่เขารักมาก ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ข้าอยากไปชื่นชมนักเชียว อยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าอย่างไรอยู่”

“อินชิงเสวียนนะอินชิงเสวียน ดูเหมือนว่าเจ้ายังมีข้าอยู่ในใจสินะ”

เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ละเอียดลออดวงนั้น เย่จิ่งเย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างหยาบคาย

กวนเมิ่งถิงเหลือบมองเขาแล้วถอนหายใจ “ในอดีตฝ่าบาททรงชี้กวางเป็นม้า ยืนยันว่าอินชิงเสวียนกฌคือหลิวเสวียน วันนี้นับว่าได้ลิ้มรสความขมขื่นแล้ว เช่นนี้ก็เกรงว่าอินจ้งทั้งตระกูลก็ไม่อาจหวนกลับมาเมืองหลวงได้อีก”

เย่จิ่งเย่าแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “เขาไม่กลับมาก็เป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่รึ เมื่อข้าใช้งานเขาไม่ได้ งั้นก็สมควรตายในเมืองซุ่ยหานนั่นแหละ”

กวนเมิ่งถิงไม่ตอบ เขาเงียบไปสักพักก่อนถามว่า “ตอนนี้ฝ่าบาททรงฟื้นแล้ว พวกเราควรรีบเข้าวังไปดูหรือไม่”

เย่จิ่งเย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดีเหมือนกัน ข้าก็อยากเห็นว่าเขาอาการดีขึ้นเพียงใด ขอให้ท่านเสนาติดต่อกับขุนนางคนอื่นๆ เพื่อกันไม่ให้คนคิดว่าที่ท่านกับข้าเข้าวังเพราะมีจุดประสงค์อื่นซ่อนเร้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์