อินชิงเสวียนงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเย่จิ่งอวี้ทันที
"นี่มันสำหรับข้าใช่หรือไม่?"
"เอ่อ....ใช่พ่ะย่ะค่ะ!"
อินชิงเสวียนฝืนยิ้ม
เย่จิ่งอวี้หยิบเกี๊ยวมาอันนึ่งใส่เข้าไปในปาก
หลี่เต๋อฝูอุทานด้วยความตกใจ "ฝ่าบาท ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!"
ยังไม่ได้ตรวจสอบยาพิษเลยนะ
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้กินมันเข้าไปโดยไม่มีความระแวดระวังใด ๆ อินชิงเสวียนเสียดาย หากรู้แต่แรกว่าเขาคือฮ่องเต้เฮงซวยนี่ ก็คงเอายาพิษใส่ให้กิน หรืออย่างน้อยยาถ่ายก็ยังดี
กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ก็ได้ยินเย่จิ่งอวี้ถามขึ้นว่า “แล้วนี่มันคือสิ่งใดอีก?"
อินชิงเสวียนรู้สึกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและแสร้งทำท่าทางนอบน้อม "สิ่งนี้เรียกว่าเกี๊ยว หรือเรียกอีกอย่างว่าหยวนเป่าพ่ะค่ะย่ะ"
เย่จิ่งอวี้มองดูรูปร่างของเกี๊ยวซึ่งดูเหมือนเงินหยวนเป่าจริง ๆ
ก็ถามขึ้นอีกว่า “เครื่องปรุงที่ใช้ทำเกี๊ยวก็มาจากฮว๋าเซี่ยเช่นกันหรือ?"
อินชิงเสวียนก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "พ่ะย่ะค่ะ"
แต่ในใจของเธอกำลังคิดหาวิธีหลบหนี หากตนไม่กลับไปทั้งคืน ยายหลี่และอวิ๋นฉ่ายจะต้องร้อนใจอย่างมากแน่ ๆ
ไหนจะขันทีเฒ่าที่ชื่อหลี่เต๋อฝูนั่นอีก ชอบทำคอยาวจ้องมาที่ตน ไม่รู้ว่าต้องการจะหาเรื่องอะไรกันแน่
หรือว่าเขาจะจำตนได้จริง ๆ ?
อินชิงเสวียนลดศีรษะลงอีกเล็กน้อย
หลี่เต๋อฝูกลับมองเธอซ้ายทีขวาที
เหตุใดขันทีน้อยผู้นี้จึงดูคุ้นหน้านัก
เคยเห็นที่ไหนกันนะ?
"ฮว๋าเซี่ยมันอยู่ที่ไหนกันแน่?"
เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นทำให้สติของอินชิงเสวียนกลับมา
"อยู่ที่.....ดินแดนตะวันออกอันไกลโพ้นพ่ะย่ะค่ะ"
“เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?"
เย่จิ่งอวี้หันไปมองด้านข้างเล็กน้อย มองกวาดไปที่ร่างของอินชิงเสวียนหนึ่งรอบ
อินชิงเสวียนรวบรวมความกล้าตอบว่า "เพราะว่ามันไกลมากพ่ะย่ะค่ะ อยู่ทางทิศตะวันออกของทางทิศตะวันออกของทางทิศตะวันออกอีกทีพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ในเมื่อเจ้าสามารถทำสิ่งนี้ขึ้นมาได้จากสาลีอะไรนี่ ก็หมายความว่าที่บ้านเจ้ามีเมล็ดพันธุ์อยู่ใช่หรือไม่?"
อินชิงเสวียนหลุบตาทันที แววตาฉายแววปิติ
"หากฝ่าบาทยอมให้กระหม่อมออกจากวังไป กระหม่อมรับรองว่าจะนำเมล็ดพันธุ์กลับมาพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้สีหน้านิ่งงันขึ้นทันที
"ไม่ได้ ให้คนที่บ้านเจ้าเข้าวังมาได้ ข้าจะตบรางวัลให้พวกเขาอย่างงาม"
"เอ่อ..."
อินชิงเสวียนสาปแช่งอยู่ในใจ ฮ่องเต้เฮงซวยนี่ชั่วร้ายจริง
เย่จิ่งอวี้หยุดเดิน
“ทำไมหรือ? เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าที่บ้านมีมารดาและบุตร หากพวกเขาไม่สะดวก เจ้าก็บอกที่อยู่มา ข้าจะส่งคนไปรับ"
อินชิงเสวียนเกือบจะชนเข้าที่ร่างของเขา เบรกเอี๊ยดทันที
เธอจัดแจงหมวกที่บิดเบี้ยวอยู่ให้ตรง
ฝืนยิ้มและพูดขึ้นว่า "เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ต้องรบกวนฝ่าบาทหรอกพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมกลับไปเถอะ"
“พอแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าให้เวลาเจ้าตัดสินใจหนึ่งชั่วยาม"
เมื่อเห็นใบหน้าขึงขังของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ดวงตากรอกไปมาซ้ายขวา
มันต้องมีวิธีอื่น
โดยปกติเธอมักจะมีความคิดหลักแหลมมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาต้องใช้สมองของเธอกลับว่างเปล่า คิดไม่ออกไปเสียดื้อ ๆ
อินชิงเสวียนเกาหัวเกาหูของเธออย่างกังวล แต่บุคคลเบื้องหน้ากลับหยุดเดิน
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นตัวอักษรตำหนักเฉิงเทียนสี่คำเขียนอยู่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...