"บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นคนของวังไหน ข้าจะให้หลี่เต๋อฝูไปเอามา"
เย่จิ่งอวี้ได้แสดงความอดทนเป็นพิเศษต่อทาสรับใช้คนนี้อย่างมากแล้ว
อินชิงเสวียนสาปแช่งอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้สารเลวนี่คงไม่หลงกลง่าย ๆ จริง ๆ
เธอหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นไม่เป็นไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ จริง ๆ แล้วเมล็ดพันธุ์ก็อยู่กับตัวกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะออกไปเอาเดี๋ยวนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ เธอก็วิ่งออกจากตำหนักเฉิงเทียนไป
เมื่อมองดูแผ่นหลังของเธอ เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว
แค่หยิบเมล็ดพันธ์ุออกมาทำไมต้องวิ่งออกไปข้างนอกด้วย ทาสรับใช้ผู้นี้ทำไมถึงทำตัวพิลึกพิกลเช่นนี้
อินชิงเสวียนวิ่งมาถึงประตูแล้วก็เดินไปยืนที่เสาต้นหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เธอจึงรีบเข้าไปในมิติแล้วใช้คะแนนห้าแต้มแลกเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีออกมา
เพื่อไม่ให้เป็นเรื่องยากในการอธิบายที่มาของถุงพลาสติก เธอจึงแลกกระดาษหนังวัวออกมาใบหนึ่ง แล้วห่อเมล็ดทั้งหมดไว้แล้วนำออกมา
เธอทำสิ่งนี้เพื่อประชาชนชาวต้าโจว ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเย่จิ่งอวี้
เธอปลอบใจตัวเองแล้วเดินออกจากมิติมา
หลี่เต๋อฝูบังเอิญเดินผ่านมาพอดี รู้สึกเพียงว่ามีแสงวาบขึ้นมาต่อหน้าและมีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากกลางอากาศ เขาร้องขึ้นด้วยความตกใจเกือบจะสะดุดไปข้างหน้า
ขันทีหนุ่มหลายคนวิ่งเข้ามาทันที “หลี่กงกง มีอะไรหรือขอรับ?"
อินชิงเสวียนก็ตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นหลี่เต๋อฝูจ้องมองมาที่ตนก็ถลึงตาใส่อย่างไม่เป็นมิตร
เพียงแค่มองแวบเดียวนี้ก็ดูเหมือนจะเปิดสวิตช์ในหัวของหลี่เต๋อฝู และทันใดนั้นเขาก็คิดออกว่าขันทีหนุ่มคนนี้หน้าตาเหมือนใคร
เขาดูเหมือนพระสนมจากตำหนักเหลิ่งหนิงเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นในสมองของเขาก็เปิดโล่ง
เป็นไปได้ไหมว่าสนมจากวังเย็นนางนั้นตายแล้ว แล้วเป็นผีแปลงร่างมาเป็นขันทีเพื่อมาแก้แค้นฮ่องเต้?
ไม่ได้การแล้ว จะยอมให้เขามาทำร้ายฮ่องเต้ไม่ได้เด็ดขาด
เขารีบผลักขันทีที่ประคองตนอยู่ให้ออกไป แล้วรีบวิ่งเข้าไปในตำหนัก
"ฝ่าบาท!"
เย่จิ่งอวี้กำลังมองไปที่เมล็ดพืชห่อใหญ่ และเมื่อเขาเห็นหลี่เต๋อฝูรีบร้อนวิ่งเข้ามา คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทันที
“เจ้าจะเข้ามาอีกทำไม?"
หลี่เต๋อฝูกำลังจะพูดขึ้นเมื่อหันไปเห็นอินชิงเสวียนกำลังถลึงตามองมาที่ตน
เขาต้องระงับคำพูดเอาไว้
“กระหม่อมจะเข้ามาดูว่าน้ำชายังร้อนอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นก็ไปต้มมาอีกกาเถอะ"
เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็หันไปหาอินชิงเสวียน "เจ้าชื่ออะไร?"
อินชิงเสวียนหัวใจเต้นรัว ขันทีเฒ่ามองเห็นเธอออกมาจากมิติ ไม่รู้ว่าจะปากโป้งหรือไม่ หากเย่จิ่งอวี้รู้เรื่องเข้าต้องคิดว่าเธอเป็นภูติผีปีศาจอย่างแน่นอน
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องใช้สายตาข่มขู่หลี่เต๋อฝู
เมื่อได้ยินคำถามของเย่จิ่งอวี้ เธอก็รีบพูดขึ้นว่า "กระหม่อมชื่อเสี่ยวเสวียนจือพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเล็กน้อย
“เอาล่ะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เสี่ยวเสวียนจือก็อาศัยอยู่ในตำหนักด้านข้างกับไป๋เสวี่ย หลี่เต๋อฝูช่วยไปจัดเตรียมให้ที"
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เต๋อฝูตาแดงก่ำเหมือนกำลังจะร้องไห้ นางสนมคนนั้นก็ชื่อว่าอินชิงเสวียนมิใช่หรือ?"
สวรรค์ทรงโปรด ในวังนี้มีผีจริง ๆ ด้วย!
แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะฮ่องเต้ไม่มีทางเชื่อเรื่องลึกลับเหล่านี้แน่
ยังคงมีร่องรอยของความอิจฉาอยู่ในใจ เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้โปรดปรานนางสนมจากวังเย็น แต่กลับชื่นชอบขันทีคนนี้อย่างเห็นได้ชัด ถึงกับให้อาศัยอยู่กับไป๋เสวี่ย
เมื่อเห็นหลี่เต๋อฝูเดินออกไป อินชิงเสวียนก็หายใจออกช้า ๆ ต่อไปเธอต้องระวังหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงหาข้ออ้างมาแก้ตัวลำบาก
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ก็ได้ยินเเย่จิ่งอวี้ถามว่าขึ้นว่า "จะปลูกเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้ได้อย่างไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...