เช้าวันถัดมา
อินชิงเสวียนตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตู เมื่อลืมตาขึ้นมาถึงคิดได้ว่าตนเองอยู่ที่ตำหนักเฉิงเทียน
มองดูตะวันทอแสงข้างนอก อินชิงเสวียนเดาว่าเย่เฉิงอวี้คงไปว่าราชการแล้ว ตนเองตื่นสายกว่าฮ่องเต้เสียอีก แบบนี้ดูจะไม่ดีเลยทีเดียว
เมื่อเปิดประตูออกไป ก็มองเห็นเสี่ยวอานจื่อยืนอยู่ที่หน้าประตู
"เสี่ยวเสวียนจื่อ ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที ให้คนอื่นเขารอจนร้อนอกร้อนใจไปหมดแล้วนะ"
เสี่ยวอานจื่อกระทืบเท้าด้วยท่าทีกระแนะกระแหน จนอินชิงเสวียนที่มองดูถึงกับขนลุก
"เสี่ยวอานจื่อกงกง เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ?"
เสี่ยวอานจื่อยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว และจับไปที่เสื้อผ้าบนบ่าของอินชิงเสวียน
"แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว ฝ่าบาทรับสั่งให้คนไปตัดถอนดอกไม้ใบหญ้าในสวนอวิ๋นเซียงออกและขุดเป็นแปลงผักแล้ว ตอนนี้รอเพียงเจ้าไปเพาะปลูก"
อินชิงเสวียนเอามือทุบไปที่หัว ตนเองลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
"เช่นนั้นเราก็รีบไปดูกันเถอะ"
"เสี่ยวอานจื่อมองนาง "รีบไปเถอะ"
อินชิงเสวียนออกจากห้อง ไป๋เสวี่ยก็ตามไปด้วย
เสี่ยวอานจื่อตกใจ "ไม่ได้นะ ท่านไป๋เสวี่ยจะออกไปข้างนอกสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"
ตั้งแต่ที่ไป๋เสวี่ยโดนกลั่นแกล้งจนตัวเลอะเทอะสองครั้ง ฝ่าบาทก็ไม่ปล่อยให้มันออกไปไหนอีกเลย
"ไม่เป็นไร ให้มันตามมาเถอะ เอาแต่ขังไว้ในห้อง สุนัขจะป่วยเอาได้"
ไป๋เสวี่ยราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังช่วยพูดให้ตนเอง หางใหญ่ก็ส่ายกระดิกไม่หยุด
เสี่ยวอานจื่อลังเลครู่หนึ่ง "หากฝ่าบาทคาดโทษขึ้นมา ต้องบอกว่าเจ้าเป็นคนปล่อยมันออกไปนะ"
ทั้งสองคนเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมา ในที่สุดก็มาถึงสวนอวิ๋นเซียง
พวกเขาเห็นขันทีกลุ่มหนึ่งกำลังขุดดินตั้งแต่ไกลๆ น่าจะมีราวสามสี่สิบคน ซึ่งดูอลังการอย่างมาก
พวกเขาถอนตัดต้นไม้ออกเป็นพื้นที่กว้าง และยังขุดเป็นแปลงๆ ไว้แล้วด้วย
ท่าทางขันทีเหล่านี้จะมีความรู้เรื่องการเพาะปลูกด้วย
อินชิงเสวียนเอาเมล็ดพันธุ์ออกมา
เสี่ยวอานจื่อก็ตะโกนเรียกขันทีสองสามคนให้มาช่วยเพาะเมล็ด และรดน้ำอย่างรู้หน้าที่ อย่างไรเสียเธอเองก็ทำเช่นนี้ในมิติ จะผลิดอกออกผลหรือไม่ก็อยู่คงต้องให้มันเป็นไปตามยถากรรม
ไป๋เสวี่ยนอนหมอบอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่งแล้วก็ออกไปวิ่งเล่น
กว่าที่อินชิงเสวียนเสร็จสิ้นงานก็เที่ยงแล้ว
อากาศในเดือนมิถุนายน แสงแดดทั้งร้อนทั้งแรง อินชิงเสวียนตากแดดจนเหงื่อเปียกไปทั้งแผ่นหลัง เธอจึงไปหลบแดดที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดดังขึ้น "ใครบังอาจมากขนาดนี้ ขุดถอนดอกไม้ต้นไม้ในสวนอวิ๋นเซียงไปเสียจนหมดได้อย่างไร?"
อินชิงเสวียนมองไปตามต้นเสียง ก็เห็นสาวสวยในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าคนหนึ่ง พร้อมกับนางกำนัลและขันทีหลายคนที่แสดงถึงฐานะยศศักดิ์
ขันทีที่กำลังทำงานอยู่ต่างก็วิ่งหอบหืดเข้ามา
"บ่าวถวายบังคมพระสนมเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ"
พระสนมเสียนเฟย?
หรือว่านางก็คือหลานสาวของไทเฮา ลู่จิ่งเสียน?
แต่งตั้งเป็นสนมแล้ว?
ลู่จิ้งเสียนมองมาทางอินชิงเสวียน และรู้สึกว่าขันทีหนุ่มคนนี้หน้าตาสดสวยผ่องใส ดูดีเสียยิ่งกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจขึ้นมาทันที
"เจ้าสุนัขรับใช้บังอาจ เห็นข้าแล้วยังไม่คุกเข่าอีก"
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ตนเองทำเพื่อให้ได้ออกจากวัง ไม่ได้จะแย่งผู้ชายกับนาง ยังไงก็เลี่ยงปัญหาไว้ก่อนดีกว่า
จึงรีบยกชายเสื้อขึ้น และคุกเข่าลงข้างเสี่ยวอานจื่อ
"บ่าวถวายบังคมพระสนมเสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ"
ลู่จิ้งเสียนเดินเข้ามาหาเธอ กลิ่นหอมที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาแตะจมูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...