สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 300

สรุปบท บทที่ 300 ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

อ่านสรุป บทที่ 300 ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บทที่ บทที่ 300 ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ เป็นเพราะใช้กำลังภายใน จึงมีอาการตามมาเล็กน้อย พักผ่อนสักหน่อยก็ดีขึ้นเพคะ”

อินชิงเสวียนพูดจบก็นั่งลงที่ศาลาด้านข้าง อ่อนเพลียมากเลยจริงๆ ตอนนี้นางเพียงอยากนอนหลับเท่านั้น และไม่อยากขยับแม้เพียงนิดเดียว

เย่จั้นก็พูดว่า “เหนียงเหนียงไม่เป็นอะไรจริงๆ หากไม่ใช่เพราะวิชาการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเหนียงเหนียง คงไม่สามารถจับกุมอาซือหลานได้ง่ายเช่นนี้”

เย่จั้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้กับเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งอวี้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

“นางใช้พิณตัวนั้นในโรงเตี๊ยมบรรเลงบทเพลงงั้นหรือ?”

เย่จั้นถามขึ้น “ฝ่าบาทรู้จักพิณตัวนั้นด้วยหรือ?”

เย่จิ่งอวี้กระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “หีบพิณนั่นถูกเปิดมาสองครั้ง ข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น”

เมื่อนึกถึงเสียงดีดพิณราวกับลาร้องในครั้งก่อน เย่จิ่งอวี้ก็หน้าแดงเล็กน้อย

เขาเคยคิดจะกลับไปเล่นพิณตัวนั้นอีกครั้ง แต่ไม่นานหลังจากน้ันฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ และมีงานราษฎร์งานหลวงอีกเป็นกอง ทำให้แยกตัวออกไปได้ยาก

ทันใดนั้นเย่จั้นก็นึกได้ว่าก่อนที่ฝ่าบาทจะครองราชย์ เคยถูกขนานนามว่าท่านอ๋องแห่งความสุดยอดทั้งห้า หนึ่งในความสุดยอดทั้งห้าก็คือ ความเป็นเลิศในการดีดพิณ

ตอนนี้ได้ยินเย่จิ่งอวี้พูดถึงเรื่องนี้ จึงอดสงสัยไม่ได้

“ข้าได้ยินบทเพลงที่เหยาเฟยเหนียงเหนียงบรรเลง ช่างไพเราะเป็นอย่างมาก พิณตัวนั้นคงไม่ยากเกินไป”

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “หากมีเวลาเมื่อใด เสด็จอาลองดูเองก็จะทราบดี”

เมื่อเปลี่ยนเรื่องสนทนา ก็ถามขึ้นอีกว่า “เกี่ยวกับเรื่องที่อาซือหลานใส่ความครอบครัวอินจ้ง เสด็จอาโปรดนำเขาเข้าคุกหลวงด้วย ข้าจะตรวจสำนวนและตัดสินด้วยตัวเอง”

เย่จั้นประสานมือคำนับและพูดว่า “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง กระหม่อมจะสั่งคนให้นำตัวอาซือหลานและคนอื่นๆ ส่งเข้าไปในวัง”

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความพึงพอใจ “ข้าจะรอเสด็จอาอยู่ในวังหลวง”

เมื่อหันกลับมามอง พบว่าอินชิงเสวียนนั่งพิงรั้วหลับไปแล้ว

สายลมเบาๆ พัดผมซอยบนหน้าผากของนาง เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามน่าตกตะลึงของนาง

ขนตาหนาและโค้งงอน สันดั้งจมูกเล็กที่สูงชะลูด ริมฝีปากสีชมพูสองข้างเม้มไว้เล็กน้อย และปกคอเสื้อที่เผยให้เห็นส่วนของคอเรียวเล็ก ซึ่งมีสีขาวเปล่งปลั่งเหมือนหยกมันแพะ ทำให้ผู้คนอยากเอื้อมมือไปสัมผัสสักครั้ง

เย่จิ่งอวี้มองนางอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกที่มีความสุขขึ้นมา

หวังเพียงให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ อยู่ช่วงเวลาที่สวยงามตลอดไป

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ อินชิงเสวียนก็จามขึ้นมาหนึ่งครั้ง และปลุกตัวเองตื่น

เย่จิ่งอวี้รีบเดินเข้าไปในทันที ถามด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ตากลมหนาวแล้วหรือไม่?”

อินชิงเสวียนรู้สึกทันทีว่า เรี่ยวแรงของตัวเองฟื้นคืนมาแล้ว

จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เพคะ กำลังดี ท่านอ๋องเล่า?”

เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปจังมือของนาง พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าให้เขาไปนำตัวอาซือหลานเข้าวัง ในเมื่อจับตัวเขาได้แล้ว ข้าก็อยากให้คำอธิบายแก่ตระกูลอินของเจ้า”

อินชิงเสวียนสีหน้าชื่นมื่นในทันที

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ตบมือของนางเบาๆ และพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณ ทั้งหมดคือสิ่งที่ข้าติดค้างตระกูลอินไว้”

“ฝ่าบาทอย่าโทษตัวเองเลยเพคะ หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉันถูกจับ ก็คงสืบหาตัวตนที่แท้จริงของอาซือหลานไม่ได้ วิชาการปลอมตัวของเขาเหมือนจริงเหลือเกิน ใครจะไปคิดว่าภายใต้ใบหน้าแบบนั้นจะเป็นอีกคนหนึ่งได้”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจออกมา

“ท่านพ่อของข้าต้องคิดว่าพี่ใหญ่ยังหนีอยู่ข้างนอก กลับไม่รู้ว่าเขาถูกขังไว้ในเจียงวูอยู่นานแล้ว”

“เรื่องนี้ค่อยเจรจากันอีกครั้งเมื่อพ่อของเจ้ากลับเมืองหลวง เจียงวูกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ ข้าจะต้องลงโทษให้ได้ เพียงแต่จะต้องวางแผนก่อนว่าควรทำอย่างไรดี”

“เพคะ ทว่าฝ่าบาทอย่าได้กังวลไป เพียงแค่พวกเราสร้างดินปืนขึ้นมาได้ ชนเผ่าป่าเถื่อนกลุ่มเล็กๆ จะเป็นเพียงเรื่องที่ง่ายดายเพคะ”

“ข้าได้แจ้งกับขุนนางแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปทำราชกิจเช้า และถามเรื่องนี้กับกรมโยธาธิการ”

เมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งอวี้จะไปทำราชกิจเช้า อินชิงเสวียนก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“พระวรกายของฝ่าบาท... ไหวไหมเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นนักรบ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เจ้าคิด อย่าได้เป็นกังวลเลย”

อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว นั่นคือการผ่าตัดหัวใจเชียวนะ เย่จิ่งอวี้พักผ่อนเพียงแค่สี่วัน และจะไปทำราชกิจเช้า อีกทั้งยังต้องตื่นแต่ไก่โห่ เขาจะทนไหวได้อย่างไร

ไม่รู้ว่าหากให้เขาดื่มน้ำพุวิญญาณ จะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้หรือไม่

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและพูดว่า “ก็ดี เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว”

หลี่เต๋อฝูตอบรับ และพยุงเย่จิ่งอวี้เข้าไปที่ตำหนักด้านข้าง

อินชิงเสวียนเข้าไปในมิติทันที เมื่อตรวจดูคะแนนสะสมแล้ว เห็นว่ามีเพิ่มขึ้นมาหมื่นคะแนนจริงๆ พืชผลก็เติบโตดีทั้งหมดแล้ว

นางเก็บเกี่ยวมันอย่างรวดเร็วและปลูกใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็กระแอมในลำคอและร้องเพลงทะเลแห่งเสียงหัวเราะให้กับเมล็ดพืชได้ฟัง

น่าอายมาก เมล็ดพืชไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ

หรือว่าต้องมีทำนองประสานด้วย เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ช่างสูงส่งเสียจริง

ช่างเถอะ กลับตำหนักจินหวูไปลองทำพิณสักตัว เตรียมน้ำให้เย่จิ่งอวี้ก่อนดีกว่า

เมื่อเติมน้ำพุวิญญาณเต็มถัง ก็กรอกใส่กาน้ำให้เย่จิ่งอวี้ดื่ม และทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย

อินชิงเสวียนจึงไปที่ตำหนักด้านข้างเพื่อเรียกเย่จิ่งอวี้กลับมา

“เร็วขนาดนี้เชียว?”

อินชิงเสวียนลูบที่จมูกของตัวเอง

“หม่อมฉันไม่ได้ต้มน้ำเพคะ แต่ว่าอุณหภูมิของน้ำไม่ได้เย็นมาก ฝ่าบาทลองแล้วจะรู้เองเพคะ”

“ได้”

เย่จิ่งอวี้ปลดหยกคาดเอวออก ถอดชุดคลุมนอกแล้วยื่นให้กับอินชิงเสวียน

เมื่อเห็นเขาถอดเสื้อทับในสีขาวราวหิมะออก ก็เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวที่รัดหน้าอกไว้ อินชิงเสวียนจึงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

แม้ว่าเป็นน้ำพุวิญญาณ แต่กลับไม่รู้ว่าการแช่น้ำจะทำให้บาดแผลติดเชื้อหรือไม่

โชคดีที่นางใส่น้ำเพียงครึ่งถัง คงจะไม่ถึงตำแหน่งหัวใจ

ระหว่างที่ครุ่นคิด กลับเห็นเย่จิ่งอวี้ถอดกางเกงซับในออก สีหน้าอินชิงเสวียนแดงก่ำในทันที และรีบวิ่งหนีไปอีกด้าน

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มล้อเลียน “เสวียนเอ๋อร์บอกว่าจะอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงหนีไปอีกด้านเล่า?”

อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทมีมือมีเท้า ต้องให้คนปรนนิบัติด้วยหรือเพคะ ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะอาบน้ำเองได้แล้วเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์