สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 318

สรุปบท บทที่ 318 หม่อมฉันไม่ไป: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 318 หม่อมฉันไม่ไป – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 318 หม่อมฉันไม่ไป ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

สวีจือย่วนที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเอ๋อร์ฉลาดจริงๆ จำหน้าคนได้แล้ว เรียกฝ่าบาทเป็นด้วย”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยสีหน้ามีความสุข “จ้าวเอ๋อร์เป็นโอรสสายตรงของข้า ย่อมฉลาดอยู่แล้ว”

สวีจือย่วนหยุดไปชั่วขณะ และเหมือนตั้งใจแต่คล้ายไม่เจตนา “มีเพียงโอรสที่เกิดจากครรภ์ของฮองเฮาเท่านั้นกระมัง ถึงสามารถเรียกว่าโอรสสายตรงได้”

เมื่อมองดูเด็กน้อยที่กำลังเล่นผมของเขา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยิ้มกล่าวด้วยนน้ำเสียงเจือความเอ็นดูลุ่มหลง

“เสวียน‍เอ๋อร์ก็คือฮองเฮาของข้า ตอนนี้แม่ทัพอินได้กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ข้าจะรีบแก้ไขสถานะให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด เดิมทีนางก็เป็นชายาเอกเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นรัชทายาทอยู่แล้ว จะอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”

สวีจือย่วนตกตะลึงเล็กน้อย “แม่ทัพอิน...จะกลับราชสำนักแล้วหรือเพคะ”

ถ้าอินจ้งกลับมาจริงๆ แล้วใครจะเป็นต่อสู้กับอินชิงเสวียนได้อีก

ตระกูลฝ่ายแม่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท...

เย่‍จิ่ง‍อวี้กำลังยุ่งอยู่กับการหยอกล้อเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง ไม่มีเวลาอธิบายมาก เขาจึงตอบรับสั้นๆ

อินชิงเสวียนเพิ่งเดินมาถึงประตูพอดี เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดยินดีเสียมิได้

“ฝ่าบาททรงกลับคำพิพากษาตระกูลอินแล้ว?”

เขามองดูดวงตากลมโตที่เบิกกว้างของอินชิงเสวียน แล้วเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องที่ข้าเคยพูดไว้ ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้”

อินชิงเสวียนก้าวเร็วๆ สองก้าว โค้งคำนับและกล่าวว่า “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ช่วงนี้เจ้าก็รักษาสุขภาพให้ดี เพื่อไม่ให้แม่ทัพอินกลับมาแล้ว ตำหนิข้าที่ดูแลเจ้าไม่ดี”

นี่เป็นเพียงคำพูดเย้าแหย่เท่านั้น เขาเป็นถึงราชาผู้ครองแคว้น ผู้ใดจะกล้าตำหนิเขา

แม้ว่าอินชิงเสวียนจะรู้เรื่องนี้ แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

นางตีสีหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “หม่อมฉันจะกินข้าวเยอะๆ พยายามเพิ่มน้ำหนักสักหลายๆ จิน”

ซึ่งในตอนนี้ เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ซึ่งดวงตาที่คล้ายพระจันทร์เสี้ยวคู่นั้นช่างดูเหมือนกับอินชิงเสวียนมาก

เมื่อได้มองดูสองแม่ลูกทั้งคู่ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกอารมณ์ดี

“เมื่อวานข้ายังไม่ได้กินซาลาเปา ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีลาภปากหรือไม่”

“ถ้าฝ่าบาทอยากเสวย เมื่อใดก็ย่อมได้”

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันกลับมาสั่งความ “อวิ๋นฉ่าย ไปนวดแป้งไว้เร็ว”

สวีจือย่วนก้าวไปข้างหน้า แล้วยอบกายคำนับอินชิงเสวียน

“ขอแสดงความยินดีกับพระสนม ขอแสดงความยินดีกับพระสนม หากแม่ทัพใหญ่ได้กลับมา ย่อมเป็นโชคดีของต้าโจว”

อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ “ขอบคุณนายหญิงสวี”

สวีจือย่วนกล่าวเสริมอีกว่า “วันนี้เป็นวันแห่งความยินดีของพระสนม ไม่ทราบว่าให้หม่อมฉันอยู่ดื่มสุราด้วยสักจอกได้หรือไม่ เพื่อเป็นการรับความมงคลไปด้วย”

“ถ้านายหญิงสวีชอบ ก็เชิญอยู่เถิด”

ดังสุภาษิตที่ว่า มือที่ยื่นมาไม่ยอมตบคนยิ้มให้

อินชิงเสวียนคงไล่นางออกไปไม่ได้ แต่ในใจกลับมีความขุ่นเคืองที่มองไม่เห็นอยู่แล้ว

เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของสวีจือย่วนในวันนั้น ทำให้อินชิงเสวียนสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ บางที...นางคงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากเกินไปกระมัง

หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นไปที่ศาลาหินแล้ว

เขาวางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้บนตัก มือจับเท้าเล็กๆ ที่แทบจะสัมผัสไม่เจอกระดูกของเขา

กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนที่ข้ายังเด็ก มักจะนั่งฟังเสด็จแม่เล่านิทานอยู่ที่นี่ ถ้าจ้าวเอ๋อร์โตขึ้นอีกหน่อย ข้าก็จะเล่าให้เขาฟังเช่นกัน”

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเงยหน้าเล็กจ้อยขึ้นมองเขา ราวกับเข้าใจคำพูดของเขา เมื่อเย่‍จิ่ง‍อวี้พูดจบ เขาก็พยักหน้าจริงๆ

อินชิงเสวียนนั้นเมื่อเห็นอากัปกิริยาของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงแล้วก็รู้สึกขำ

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงรู้คำศัพท์บางคำจริงๆ และสามารถอ่านสีหน้าของคนได้ แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น เป็นเพียงเรื่องบังเอิญมากกว่า

เย่‍จิ่ง‍อวี้มีความสุขมาก เขาก้มหน้าหอมแก้มกลมๆ ย้วยๆ ของเขาฟอดใหญ่

พูดด้วยรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า “จ้าวเอ๋อร์เก่งจริงๆ”

เมื่อเห็นดวงตาของอินชิงเสวียนเป็นประกายวาวโรจน์ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง

“เจ้าอยากรู้หรือ”

“แน่นอนเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม

“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”

อินชิงเสวียนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ไม่มีใครอยากรู้เป็นพิเศษนักหรอก ข้าจะไปดูซาลาเปาแล้ว”

อินชิงเสวียนไม่พอใจ จึงไม่สนใจพูดคำราชาศัพท์ด้วยซ้ำ แล้วนางก็ยกกระโปรงขึ้น แล้วออกจากศาลาหินทันที

สวีจือย่วนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับพระสนมเหยาเฟยนั้นดีจริงๆ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้อมยิ้มขณะที่ทอดสายตามองตามหลังอินชิงเสวียนไป จนกระทั่งไม่เห็นนางแล้ว เขาจึงหันกลับมาถามว่า “ก่อนเจ้าเข้าวัง เจ้ามีคนที่ชอบอยู่ก่อนหรือไม่”

ใบหน้าของสวีจือย่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงทันที

“ฝ่าบาทตรัสเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร หม่อมฉันเป็นสตรีบริสุทธิ์ คนเดียวที่หม่อมฉันชอบก็คือฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่ต้องกังวลไป หากเจ้ามีคนที่ชอบ ข้าสามารถเป็นคนตัดสินใจการแต่งงานให้เจ้าได้ ไม่ว่าเจ้าจะต้องการรางวัลมากเพียงใด ข้าก็มอบให้เจ้าได้ ถือว่าตอบแทนที่ข้าติดค้างเจ้า แต่ถ้าหากเจ้าไม่มี ข้าก็จะหาวันปล่อยตัวพวกเจ้าออกจากวัง ข้าจะเขียนราชโองการด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์”

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาพอจะเข้าใจความคิดของอินชิงเสวียน และทราบถึงชีวิตที่นางต้องการแล้ว

เมื่อเขาพบว่าตัวเองตกหลุมรักอินชิงเสวียน เขาก็คิดอยู่แล้วว่าแทนที่จะปล่อยให้คนเหล่านี้เสียเวลาในวังหลัง มิสู้ปล่อยพวกนางออกจากวังเสียดีกว่า

สวีจือย่วนตกใจ พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “เรื่องนี้...จะเป็นไปได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อหม่อมฉันเข้าวังมาแล้ว ย่อมเป็นคนของฝ่าบาท แล้วจะออกไปได้อย่างไร ใต้หล้านี้ยังไม่เคยมีเหตุตการณ์ที่ฮ่องเต้ปล่อยนางสนมออกจากวัง หากฝ่าบาททำเช่นนี้ จะถูกคนครหาอย่างแน่นอน หม่อมฉันและเหล่าพี่น้องย่อมไม่มีหน้าไปพบผู้ใดได้อีก ถ้าฝ่าบาทยืนกรานจะทำเช่นนี้ หม่อมฉันก็ขอโขกศีรษะตายอยู่ตรงนี้ดีกว่าเพคะ”

หลังจากที่ สวีจือย่วนพูดจบ นางก็พุ่งศีรษะหมายจะชนเข้ากับโต๊ะหิน

ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับนางไว้

แล้วสวีจือย่วนก็ไหลไปตามน้ำ โผร่างเข้าสู่อ้อมแขนของเย่‍จิ่ง‍อวี้ น้ำตาไหลพรากออกมาทันที

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ไปเพคะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์