สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 317

สรุปบท บทที่ 317 จัดวาง: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 317 จัดวาง จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 317 จัดวาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ณ ห้องหนังสือ

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอดมาลามงกุฎออก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมตัวยาวตรงสีขาวราวกับหิมะ

คาดเอวด้วยผ้าโปร่งเมฆาสีขาวเงินจันทร์ และมีหยกขาวสีไขมันแพะชั้นดีสองชิ้นห้อยไว้ที่สายคาดเอว ทว่าอาภรณ์ที่เรียบง่ายเช่นนี้ยังคงไม่สามารถปกปิดความสูงศักดิ์แต่กำเนิดของเขาได้

ฉินไห่ฉิวยืนเข้างๆ ด้วยความเคารพ

“สิ่งที่ฝ่าบาทให้ไปรวบรวม กระหม่อมได้ส่งคนไปรวบรวมได้มากแล้ว และได้สั่งให้คัดแยกเป็นหมวดหมู่ เก็บไว้ในคลังของกรมโยธาพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่างท่าผึ่งผายองอาจ พูดเรียบๆ “ดีมาก ภายในวันสองวันนี้ ข้าจะส่งคนไปตรวจรับ ข้อมูลนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับด้วย”

ฉินไห่ฉิวโค้งคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมจะปิดปากเงียบ ไม่เปิดเผยออกไปแม้เพียงครึ่งคำ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมตอบรับ แล้วพูดว่า “อืม ออกไปเถอะ”

“กระหม่อมขอทูลลา”

แม้ว่าฉินไห่ฉิวจะไม่รู้เหตุผล แต่เขาก็เชื่อในตัวของเย่‍จิ่ง‍อวี้

วิธีการผันน้ำจากใต้ขึ้นเหนือเห็นผงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าการตัดสินใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้นั้นถูกต้อง

เมื่อฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ ฉินไห่ฉิวก็เป็นเหมือนกับขุนนางทุกคน ที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ตราบใดที่ฝ่าบาทสามารถทำเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง จะเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮาหรือพระสนมก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว

ถ้าขืนปล่อยให้เย่จิ่งเย่าผู้โง่เขลาขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ นั่นถึงจ้ะป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างแท้จริง

ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งจะมีโชคชะตาฟ้าลิขิต ควรเป็นผู้ใดก็เป็นของผู้นั้น ไม่มีทางหลบพ้น

หลังจากคิดถึงความจริงนี้ได้แล้ว ฉินไห่ฉิวก็เดินฉับๆ มุ่งหน้าออกจากวังหลวง

ห้องหนังสือ

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนขึ้น เขาเดินไปสองก้าว แล้วหันไปบอกหลี่เต๋อฝูว่า “ไปแจ้งไทเฮาว่า โหราจารย์ได้คำนวณออกมาแล้วว่าดวงชะตาของบ้านเมืองกำลังตกต่ำ จำเป็นต้องหานักบวชเข้าวังมาประกอบพิธีกรรม ข้าได้สั่งให้คนไปหาหลวงจีนผู้มีฌานตบะสูงมาแล้ว จะรับเข้ามาสู่หอสวดมนต์ในวันนี้ยามซวี (19.00-21.00)”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”

หลี่เต๋อฝูขานรับคำสั่งแล้วออกจากห้องหนังสือ แล้วก็ได้พบกับสวีจือย่วนเข้าพอดี

นางยอบกายคำนับหลี่เต๋อฝูเล็กน้อย พูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “ยินดีที่ได้พบหลี่กงกง”

หลี่เต๋อฝูหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “นายหญิงไม่จำเป็นต้องสุภาพ โปรดอย่าทำให้บ่าวอายุสั้นเลย”

สวีจือย่วนถามขึ้นมาอีก “ฝ่าบาทพระอาการดีขึ้นแล้วหรือไม่”

“ดีขึ้นมากแล้ว”

สวีจือย่วนร้องอ๋อ แล้วพูดว่า “ข้านำน้ำแกงปลามาด้วย เพื่อบำรุงสุขภาพของฝ่าบาท”

“ฝ่าบาทอยู่ด้านใน บ่าวจะไปแจ้งให้ท่านเดี๋ยวนี้”

หลี่เต๋อฝูรู้ว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อสวีจือย่วนอย่างดี และรู้ด้วยว่าสวีจือย่วนมีปานบนร่างกาย นางอาจเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ช่วยฝ่าบาทในตอนนั้น เขาจึงไม่กล้าทำเมินเฉยต่อนาง

ในความคิดของเขา ฝ่าบาทควรจะมีสนมมากๆ เพื่อเป็นการสืบทอดสายเลือดของราชวงศ์ แม้ว่าเขาจะชอบพระสนมเหยาเฟย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการที่เขาจะดีต่อสตรีผู้อื่นด้วย

นับตั้งแต่ฝ่าบาทถูกพระสนมเหยาเฟยวางยาในวันนั้น เขาไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีอื่นเลย หลี่เต๋อฝูก็กังวลเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นในวังหลังยังมีนายหญิงที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งยศอีกมากมาย ถ้าขืนปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ ไปเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย

เขาเดินเข้าไปในห้องทันที แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท นายหญิงสวีมาพ่ะย่ะค่ะ”

“นางมาทำไม”

เดิมทีเย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการไปที่ตำหนักจินหวู แต่เมื่อได้ยินสวีจือย่วนมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

หลี่เต๋อฝูขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงย่อมเป็นห่วงฝ่าบาทอยู่แล้ว จึงปรุงน้ำแกงปลามาส่งไปให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางเข้ามาเถอะ”

ครู่ต่อมา สวีจือย่วนก็เข้ามาพร้อมกับหานปิง

สวีจือย่วนยิ้มอย่างเข้าใจ

“หม่อมฉันก็ไม่ได้เจอจ้าวเอ๋อร์มาหลายวันแล้ว รู้สึกคิดถึงเขามากเช่นกัน ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะพาหม่อมฉันไปหาเขาด้วยได้หรือไม่เพคะ”

เมื่อคิดถึงอินชิงเสวียนที่เคยออกหน้าช่วยสวีจือย่วน ถึงขั้นไปเล่นงานลู่จิ้งเสียนถึงวังจิ้งอาน เขาก็พยักหน้า

“ก็ดีเช่นกัน”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ใจจดใจจ่อคิดถึงแต่จ้าวเอ๋อร์ จึงก้าวเท้ายาวไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการที่ได้รับการชำระด้วยน้ำพุวิญญาณ ร่างกายของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สวีจือย่วนและกลุ่มขันทีนางกำนัลไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องวิ่งตามหลังเขาไป เมื่อทั้งหมดมาถึงตำหนักจินหวู ทุกคนก็เหนื่อยจนหายใจหอบกันหมด

ในเวลานี้ อินชิงเสวียนเพิ่งตื่นได้ไม่นาน กำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง

นางนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว เมื่อคืนรู้สึกปลอดโปร่ง จึงหลับรวดเดียวจนตื่นเป็นปกติ แต่ก็ยังไม่อยากลุกจากเตียง

ขณะที่ดูเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเล่นกับเจ้าสุนัขผ่านกล้องวงจรปิด ทันใดนั้นนางก็เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้และสวีจือย่วนเดินเข้ามาจากด้านนอก รอยยิ้มบนใบหน้าก็เหือดหายไปทันที

สัญชาตญาณของสตรีนั้นแม่นยำมากเสมอ เมื่อนางเห็นสวีจือย่วนในวันนั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่านางดูแปลกไป ตอนนี้พอได้เห็นนางมากับเย่‍จิ่ง‍อวี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดทันที

นางทำผมอย่างง่ายๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียง

ด้านนอกประตู เย่‍จิ่ง‍อวี้อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา แล้วหอมแก้มกลมๆ ของเขาอย่างแรง

“ช่วงนี้เจ้าเป็นเด็กดีหรือไม่”

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังเล่นสนุก จู่ๆ เมื่อเท้าถูกยกขึ้นจากพื้นโดยไม่ได้ตั้งตัว ดวงตาโตดำขลับก็เบิกกว้างอย่างอดไม่ได้ จ้องมองไปยังเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างมึนงง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขายังตกอยู่ในภวังค์อยู่

“ทำไม จำเสด็จพ่อของเจ้าไม่ได้แล้วรึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เอาหน้าแนบปลายจมูกเล็กๆ ของเขา

ทันใดนั้นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็จำได้ เขาชี้นิ้วไปที่หน้าผากของเย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที

อ้าปากเล็กๆ พูดว่า “เด็จพ่อ~”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์