สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 316

สรุปบท บทที่ 316 กลับคำพิพากษาตระกูลอิน: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 316 กลับคำพิพากษาตระกูลอิน จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 316 กลับคำพิพากษาตระกูลอิน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จอมพลเฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มจนปัญญา “ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รบกวนเท่านั้น ฝากพระสนมไปขอบพระทัยฝ่าบาทแทนกระหม่อมด้วย เมื่อกระหม่อมอาการทุเลาลงแล้ว จะไปขอบพระทัยที่ตำหนักเฉิงเทียนด้วยตนเอง”

อินชิงเสวียนพูดเสียงอ่อนโยน “ท่านปาจารย์เป็นเสาหลักของบ้านเมือง ฝ่าบาทก็ให้ความเคารพท่านเป็นอย่างมาก พระองค์ไม่เพียงแต่ให้หมอหลวงรักษาเท่านั้น แต่ยังให้ทหารทหารรักษาพระองค์คุ้มครองอยู่ที่นี่ด้วย ขอให้ท่านปาจารย์พักฟื้นอย่างสบายใจได้”

จอมพลเฒ่าถอนหายใจแล้วพูดว่า “กระหม่อมทราบแล้ว ที่ฝ่าบาททรงดีต่อตระกูลกวนเช่นนี้ กระหม่อมก็รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดกับกวนเซี่ยวว่า “วังหลังไม่ใช่ราชสำนัก ท่านปาจารย์สามารถพักฟื้นที่นี่ได้ แต่สำหรับพี่ชายกวนเกรงว่าจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน โปรดอภัยด้วย”

กวนฮั่นหลินย่อมรู้อยู่แล้วว่าวังหลังคือสถานที่เช่นไร แม้ว่าอินชิงเสวียนไม่พูด เขาก็ไม่ให้กวนเซี่ยวอยู่ที่นี่

“กระหม่อมก็มีความคิดเช่นเดียวกัน กำลังคิดว่าจะส่งเขากลับจวนพอดี”

อินชิงเสวียนจึงกล่าวอีกว่า “คิดว่าพี่ชายกวนคงแจ้งให้ท่านปาจารย์ทราบเรื่องการลอบสังหารแล้ว หากพวกท่านปู่หลานจะพบกันอีกหน ทางที่ดีควรคิดรหัสลับที่มีเพียงพวกท่านสองคนเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้อาซือหลานมีหน้ากากใบหน้าของข้าและพี่ชายกวนอยู่ในมือ รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสนี้เข้ามาสวมรอย เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก”

เมื่อได้ยินดังนี้ กวนฮั่นหลินก็อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะ

“เจ้าเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ กล้าดีอย่างไรมาหลอกข้าแบบนี้ รอให้ข้าหายดีก่อนเถอะ จะไปสู้รบกับเขาสักแปดร้อยรอบเลย”

ความตื่นเต้นที่มากเกินไป ได้กระทบกระเทือนถึงบาดแผล ชายชราจึงร้องครางด้วยความเจ็บปวด

กวนเซี่ยวพูดทันทีว่า “ท่านปู่อย่าโมโห หลานจะล้างแค้นให้กับท่านปู่แน่นอน”

จอมพลเฒ่าพูดอย่างกังวล “ไม่ได้ เรื่องนี้ไว้ค่อยหารือตอนที่ข้ากลับจวนแล้ว”

กวนเซี่ยวรีบพูดว่า “หลานเชื่อฟังท่านปู่ขอรับ”

แล้วเขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหลานขออกไปก่อนนะขอรับ”

“ได้”

แล้วจอมพลเฒ่าก็พูดอะไรบางอย่าง ทั้งยังกลัวว่าทหารในจวนจะทำอันตรายต่อหลานชายของเขา จึงเรียกกวนผิงอันเข้ามาหา

“หากกลับถึงจวนแล้ว ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน ช่วงนี้พวกเจ้าไม่ควรออกจากจวนตามใจชอบ ทุกอย่างไว้ค่อยจัดการตอนที่ข้ากลับไปแล้ว”

กวนผิงอันโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยทราบแล้ว”

“ไปเถอะ”

หลังจากพูดมากมายหลายเรื่อง จอมพลเฒ่าก็เหนื่อย จึงหลับตาลงอีกครั้ง

กวนเซี่ยวคำนับชายชรา แล้วเดินตามอินชิงเสวียนออกจากสำนักหมอหลวง

ยายหลี่กำลังอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเล่นที่ศาลาข้างๆ ในขณะที่ไป๋เสวี่ยนั่งอยู่ที่ประตู รออินชิงเสวียน

เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่เช่นนี้ กวนเซี่ยวและกวนผิงอันต่างก็ตกใจ

อินชิงเสวียนตบหัวของมันเบาๆ

“ไม่เป็นไร ไป๋เสวี่ยเชื่องมาก ไม่ต้องกังวลไป”

จากนั้นก็พูดกับไป๋เสวี่ย “จำกลิ่นของพี่ชายคนนี้ไว้ ต้องพึ่งเจ้าช่วยตามหาเขาแล้ว”

ไป๋เสวี่ยเดินไปดมกลิ่น แล้วนั่งลงกระดิกหางไปมา

กวนเซี่ยวถามด้วยความประหลาดใจ “เท่านี้พอแล้วหรือ”

กวนผิงอันไม่รู้เรื่อง เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง “คุณชายจะไปไหน”

ดวงตาของกวนเซี่ยวเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

“ข้าจะไปหาไอ้ชั่วอาซือหลาน ล้างแค้นแทนท่านปู่ของข้า”

กวนผิงอันวิตกกังวลทันที

“ไม่ได้ นายท่านผู้เฒ่าให้คุณชายอยู่แต่ในจวน”

อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ผู้บัญชาการกวนไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท ฝ่าบาทได้ส่งหน่วยองครักษ์เงาติดตามไปด้วย คงไม่มีปัญหาแน่”

เมื่อเขาได้ยินคำว่าฝ่าบาท กวนผิงอันก็หยุดพูดทันที

ทันใดนั้นกวนเซี่ยวก็ก้าวไปข้างหน้า พูดเสียงแผ่วเบา “ท่านปู่ยังไม่รู้เรื่องการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท หวังว่าน้องสาวอินจะช่วยเก็บเป็นความลับด้วย เมื่อข้าจับอาซือหลานได้ ข้าจะไปรับผิดกับฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนพยักหน้ารับกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ขอรบกวนพี่ชายกวนแล้ว”

ขณะที่เขาพูด สำนักหมอหลวงก็ได้จุดโคมวังหลวงแล้ว

เมื่อมองดูพระจันทร์เสี้ยวที่กำลังลอยขึ้นบนท้องฟ้า อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ หวังว่าครั้งนี้จะจับตัวอา‍ซือ‍หลานได้ เขาจะได้ไม่สร้างปัญหาในเมืองหลวงได้อีก

อย่างไรก็ตาม ความหวังในแง่ดีได้พังทลายลง

ตามที่เย่‍จิ่ง‍อวี้คาดเอาไว้ อา‍ซือ‍หลานไม่ได้ปรากฏตัวเลย

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “จดหมายโต้ตอบของตระกูลอินเมื่อก่อน ก็เป็นจดหมายที่อา‍ซือ‍หลานส่งถึงราชวงศ์เจียงวู จุดประสงค์คือเพื่อใส่ร้ายตระกูลอิน เป็นข้าที่สอบสวนไม่ละเอียด กล่าวหาอินจ้งอย่างไม่เป็นธรรม บัดนี้ข้าได้มีราชโองการ ให้อินจ้งทั้งครอบครัวกลับราชสำนักได้ทันที”

ขุนนางชราผู้หนึ่งเดินออกมากลางท้องพระโรง

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าแม้ว่าจะล้างโทษของตระกูลอินทุกข้อกล่าวหาแล้ว แต่ก็ควรให้อินจ้งอยู่ในเมืองซุ่ยหานต่ออีกหนึ่งปี ลดโทษลงเพื่อดูท่าทีของเขา เพื่อปเป็นการป้องกันไม่ให้จะเก็บงำความเกลียดชัง และคิดคดทรยศต่อฝ่าบาท”

อีกคนก็ออกมาพูดว่า “ถูกต้องแล้ว หวังว่าฝ่าบาทจะคิดทบทวนอีกครั้ง โดยเฉพาะอินจ้งที่มีตำแหน่งสูงในกองทัพ สามารถกล่าวได้ว่าเขาพูดเพียงคำเดียวคนนับร้อยก็พร้อมตอบรับคำของเขาทันที ฝ่าบาทอย่าเพิ่งวางพระทัยโดยสิ้นเชิงนะพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดแล้ว กวนเมิ่งถิงก็กระตุกมุมปากขึ้น

นับตั้งแต่ฮ่องเต้น้อยขึ้นครองบัลลังก์ เขาได้ติดต่อกับสายลืบของเจียงวูมาโดยตลอด แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่มาที่เมืองหลวง จะเป็นท่านอ๋องของเจียงวู

ท่านอ๋องผู้นี้ทำนายได้แม่นยำราวกับเทพเจ้า ฮ่องเต้แทบรอไม่ไหวที่จะให้อินจ้งกลับมาที่ราชสำนักจริงๆ

ขุนนางเฒ่าสองคนที่กำลังต่อต้านอยู่ตอนนี้ เป็นคนที่เขาไปหาเมื่อวาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเห็นต่างของตัวเอง

เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “กระหม่อมคิดว่าอินจ้งควรรีบกลับราชสำนักโดยเร็วที่สุด หากต้าโจวถูกเจียงวูแทรกแซงเข้ามาจริงๆ ก็ควรมีคนยุติความวุ่นวายนี้ ตอนนี้จอมพลเฒ่าก็แก่ชรามากแล้ว จิ้งอ๋องก็ประจำการในเมืองหลวงไม่ได้ตลอด หากอินจ้งสามารถกลับราชสำนักได้ ย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน”

ความเยือกเย็นตวัดแวบขึ้นมาในแววของเย่‍จิ่ง‍อวี้ เขามองไปยังกวนเมิ่งถิงด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“ท่านเสนาบดีคิดอย่างนั้นจริงหรือ”

กวนเมิ่งถิงโค้งคำนับและกล่าวว่า “กระหม่อมพิจารณาเพื่อเห็นแก่ต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ”

กวนเมิ่งถิงเป็นผู้นำขุนนาง เมื่อเขาเอ่ยปาก ทุกคนก็คล้อยตามทันที

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มเย็น นิ้วหัวแม่มือที่ใส่ธำมรงค์กดลงบนเศียรมังกร

กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านไร้ข้อกังขาแล้ว เช่นนั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้ ท่านเสนากรมโยธา ท่านตามข้าไปที่ห้องหนังสือด้วย เลิกประชุมเช้าได้!”

ในเวลาเดียวกัน อาซือหลานก็ได้รับข่าวว่ากวนเซี่ยวกลับจวนแล้ว

เขานั่งบนเก้าอี้ ถือจอกสุราหยกขาวอยู่ในมือ ใบหน้าอันหล่อเหล่าผลิยิ้มน่ากลัว

น้องสาวคนดีของข้า เป็นเจ้าที่ขัดขวางเรื่องดีๆ ของข้าอีกแล้วงั้นหรือ

โยวหลานยืนอยู่ข้างๆ ถามด้วยความเคารพ “นายท่าน เราควรทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ”

อา‍ซือ‍หลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ปล่อยเลยตามเลย ส่งข่าวการตายของข้ากลับไปที่เจียงวู ข้าก็อยากรู้เหมอนกันว่าพี่ชายของข้าจะรักข้ามากเพียงใด...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์