สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 321

สรุปบท บทที่ 321 เสวียนเอ๋อร์จะเบื่อหรือไม่: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 321 เสวียนเอ๋อร์จะเบื่อหรือไม่ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 321 เสวียนเอ๋อร์จะเบื่อหรือไม่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว พวกเจ้าดูแลให้ดีด้วย”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

“ออกไปเถอะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้โบกมือ

หมอหลวงเหลียงถอยหลังออกไปหลายก้าว

“กระหม่อมทูลลา”

หลังจากที่หมอหลวงเหลียงจากไปแล้ว อินชิงเสวียนก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้านใน

นางเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “การต่อสู้เมื่อครู่ คงทำให้ฝ่าบาทมีเหงื่อออกมาก หม่อมฉันได้สั่งให้คนเตรียมน้ำไว้แล้ว ฝ่าบาทไปชำระพระวรกายเถิด”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนขึ้นทั้งที่สวมชุดคลุม เดินมาหาอินชิงเสวียน แล้วมองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“เสวียน‍เอ๋อร์ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ”

อินชิงเสวียนยักไหล่

“หม่อมฉันดูคล้ายคนที่เป็นอะไรงั้นหรือเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองดูนางอยู่นาน แล้วจึงพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีวรยุทธ์เช่นนี้ แม้แต่ข้าก็อาจจะรับฝ่ามือของคนประหลาดผู้นั้นไม่ได้”

เขาขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “เสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนประหลาดผมขาวคนนั้นหรือเปล่า”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ “ไม่รู้จักเพคะ หม่อมฉันไม่รู้จักคนผู้นี้จริงๆ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วกล่าวว่า “แปลกมาก ทำไมพอเขาเห็นเจ้าถึงเรียกเจ้าว่าศิษย์ แล้วเหตุใดถึงมีวรยุทธ์สูงขนาดนี้”

อินชิงเสวียนพูดอย่างไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไร “หม่อมฉันก็สงสัยมากเหมือนกันเพคะ ตั้งแต่เด็กจนโต หม่อมฉันก็ไม่เคยเห็นคนเช่นนี้”

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสับสน เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามไม่ลง

“ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว”

แล้วเขาก็เดิ นออกมายังห้องโถงถ้านนอก ถอดเสื้อคลุมสกปรกออก แล้วโยนลงพื้น

อินชิงเสวียนรู้สึกขัดเขินเกินกว่าจะมองได้ จึงรีบวิ่งไปที่ประตู แล้วพูดกับหลี่เต๋อฝูที่กำลังสับสนว่า “นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ฝ่าบาท ชุดก่อนหน้านี้สกปรกแล้ว”

หลี่เต๋อฝูถามทันที “พระสนมเหยาเฟย เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมพริบตาเดียว กระหม่อมจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“มีมือสังหารเข้ามา ฝ่าบาทประมือกับคนผู้นั้น ตอนนี้มือสังหารก็จากไปแล้ว”

อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าส่งคนไปเรียกจิ้งอ๋องเข้าวังด้วย ฝ่าบาทอาจต้องการพบเขา”

หลี่เต๋อฝูเริ่มวิตกกังวลทันที “ฝ่าบาทปลอดภัยหรือไม่”

“ไม่ต้องห่วง ทรงไม่เป็นไรแล้ว” อินชิงเสวียนพูดจบก็กลับเข้าไปในห้อง

เย่‍จิ่ง‍อวี้เข้าไปในถังไม้แล้ว พอแช่ตัวน้ำในถังก็ท่วมอยู่ที่บริเวณช่วงท้อง แช่ไม่ถึงบริเวณที่บาดเจ็บ

ดูเหมือนเขาค่อนข้างอิดโรยอยู่บ้าง เขาหลับตาลงเอนตัวพิงถัง ราวกับว่าหลับไปแล้ว

อินชิงเสวียนกระแอมไอเบาๆ อย่างตั้งใจ อยากถามเย่‍จิ่ง‍อวี้ว่าทำไมเมื่อครู่เขาถึงรู้สึกปวดหัว แต่เย่‍จิ่ง‍อวี้กลับไม่รู้สึกตัว เหมือนจะหลับไปจริงๆ

อินชิงเสวียนไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกง่วงทุกครั้งที่แช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ แต่ตัวเองกลับไม่มีอาการนั้น

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็ไม่หาคำตอบได้ นางจึงเข้าไปในมิติทั้งอย่างนั้น เพราะนางเองก็ต้องการเติมพลังเช่นกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้เผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด อินชิงเสวียนจึงเปิดหน้าจอในมิติไว้ตลอดเวลา

หลังจากอาบน้ำ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็หายเป็นปลิดทิ้ง พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกระอักเลือดออกมา อินชิงเสวียนก็รีบดื่มน้ำพุวิญญาณไปหลายอึก

จนกระทั่งนางไม่สามารถดื่มได้อีกต่อไป อินชิงเสวียนจึงออกจากมิติ

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยังคงหลับใหล คราวนี้ไม่มีควันขาวออกมาจากศีรษะของเขา แต่หลอดเลือดที่แขนของเขากลับนูนขึ้นมา หากเขามองดูดีๆ ก็เหมือนว่ามีบางอย่างไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา

อินชิงเสวียนก้มหน้าตรวจสอบ แต่บังเอิญได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น นางรีบหยิบผ้าเช็ดโยนลงในถัง หยดน้ำเล็กๆ ที่สาดกระเซ็นทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ตื่นขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และมือทั้งสองข้างก็บีบข้อมือของอินชิงเสวียน

แรงบีบอันมหาศาลทำให้อินชิงเสวียนร้องอุทานด้วยความเจ็บปวด แล้วเย่‍จิ่ง‍อวี้จึงรีบปล่อยมือทันที

เรียวตาหงส์ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย “เสวียน‍เอ๋อร์?”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมืออินชิงเสวียน มองไปยังรอยแดงบนข้อมือของนาง รู้สึกผิดเล็กน้อย

“ขอโทษที ข้าเผลอหลับไป”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามกลับว่า “แล้วเสวียน‍เอ๋อร์ล่ะ ต้องมองหน้าข้าไปตลอดชีวิต จะเบื่อหรือไม่”

อินชิงเสวียนแค่นเสียงอย่างลำพองใจ “เรื่องนั้นยังพูดไม่ได้หรอก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น “ข้าไม่มีทาง หากวันใดเสวียน‍เอ๋อร์รู้สึกหน่าย รู้สึกเบื่อ ข้าจะจากเจ้าไปเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ตกใจ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่‍จิ่ง‍อวี้

เขาก็กำลังมองมาที่นาง เรียวตาหงส์คู่นั้นปี่ยมไปด้วยความรัก

พวกเขาสบตากัน เหมือนจะมีบางอย่างในใจที่เพิ่มขึ้น มันหนักอึ้ง จนพวกเขาอธิบายไม่ได้อยู่พักหนึ่ง

ในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู และเสียงของหลี่เต๋อฝูก็ดังขึ้น

“ฝ่าบาท พระสนมเหยาเฟย จิ้งอ๋องเสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันไปที่ประตู เสียงของเขาเบาลง

“เสด็จอามีธุระอะไรหรือเปล่า”

อินชิงเสวียนรับเอ่ยขึ้นทันควัน “เป็นหม่อมแนที่ให้หลี่กงกงไปแจ้งท่านอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องมีความรู้กว้างขวาง อาจรู้ที่มาของคนผู้นั้นได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงตระหนักได้ทันที “ที่เสวียน‍เอ๋อร์พูดมาก็มีเหตุผล ให้เสด็จอารอข้าสักครู่”

หลี่เต๋อฝูกล่าวอีกครั้ง “กระหม่อมสั่งให้คนนำชุดใหม่มาแล้ว ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมเข้าไปรับใช้หรือไม่”

“เข้ามาเถอะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการให้อินชิงเสวียนช่วยเขาแต่งตัวมากกว่า แต่ขณะที่กำลังจะพูดออกไป เขาก็กลืนคำพูดกลับ

แม้ว่าจะพูดออกมา นางก็คงไม่เห็นด้วย

อินชิงเสวียนไม่เห็นด้วยจริงๆ เพราะนางได้ไปซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงด้านในแล้ว

แม้ว่าจิตใจของคนสมัยใหม่จะเปิดกว้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถมองเรือนกายที่เปลือยเปล่าของบุรุษได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน เมื่อนึกถึงรูปร่างที่สมบูรณ์ได้สัดส่วนของเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่ดูผอมเมื่อสวมเสื้อผ้าทว่ายามถอดชุดกลับมีมัดกล้าม แก้มของนางก็อุ่นขึ้นทันที

เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่ว่าจะส่งสตรีเหล่านั้นออกจากวังทั้งหมด นางก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น แอบยิ้มเงียบๆ

ถ้าเย่‍จิ่ง‍อวี้ทำได้จริงๆ การที่นางอยู่ในวังก็ไม่เสียหายอะไร!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์