อินชิงเสวียนชะงัก
"ฝ่าบาทเอาสิ่งนี้ไปทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
เย่จิ่งอวี้ใบหน้าเคร่งขรึม "อย่าพูดไร้สาระ"
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลามีท่าทีเย็นชา อินชิงเสวียนก็ไม่กล้าพูดจาอีกต่อไป
เธอเรียกเสี่ยวอานจื่อ และพาขันทีพร้อมกับทหารองครักษ์จำนวนหนึ่งกลับไปที่วังเย็นทันที
เมื่อมาถึงกำแพงข้าง อินชิงเสวียนโยนหินเข้าไปข้างในสามก้อน และพาคนมายังหน้าประตูวัง
หวังเอ้อร์หวู่และหวังต้าหวู่กำลังยืนพิงประตูวังเย็นและงีบหลับอยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบลุกขึ้นยืน
เมื่อเห็นกลุ่มขันทีและทหารองครักษ์ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
"คารวะทุกท่าน"
อินชิงเสวียนถามเสียงเย็นชาว่า "ใครคือหวังเอ้อร์หวู่?"
หวังเอ้อร์หวู่รีบตอบทันที "บ่าวขอรับ ไม่ทราบว่ากงกงมีอะไรจะสั่งหรือ?"
อินชิงเสวียนเดินหน้า ยกมือขึ้นแล้วตบไปที่หน้าเขาสองฉาด
หวังเอ้อร์หวู่ถูกตบจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมา
เมื่อคิดถึงขันทีที่เห็นในวันนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา หรือว่าความแตกเสียแล้ว?"
เขาคุกเข่าลงดังตึ่ง
"กงกงโปรดอภัยขอรับ"
เมื่ออินชิงเสวียนมองไปที่หน้าเขา ความโกรธก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ จึงยกเท้าเตะไปที่คางของเขา
และพูดเสียงดังว่า "จับสองสารเลวนี้มัดเอาไว้"
ฮ่องเต้ให้ทุกคนมาจัดการธุระกับอินชิงเสวียน จึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง
เหล่าทหารองค์รักษ์จับสองพี่น้องตระกูลหวังมัดเอาไว้โดยไม่ปริปากพูดสักคำ
อินชิงเสวียนพูดต่อไปว่า "เปิดประตูวังเย็น"
เสี่ยวอานจื่อเดินไปข้างหน้าและค้นกุญแจออกมา จากนั้นก็ไขแม่กุญแจที่หน้าประตู
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูดังเอ๊ยดอ๊าด หวังเอ้อร์หวู่ก็รู้สึกชาไปทั้งหัว
"กงกงโปรดไว้ชีวิตด้วยๆ"
อินชิงเสวียนกลัวว่าหากเดินเข้าไปข้างใน คนเหล่านี้จะเจอเจ้าหมาน้อย จึงตะโกนเสียงดังอยู่ที่หน้าประตูวังว่า "พี่น้องตระกูลหวังไม่รักษากฎระเบียบ จึงสั่งลงโทษตามกฎวัง ณ ที่ตรงนี้ จากนั้นลงโทษโบยหลังจนกว่าชีวิตหาไม่ เริ่มลงโทษตั้งแต่บัดนี้"
พี่น้องตระกูลหวังลนลานขึ้นมาทันที เหงื่อหยดไหลเป็นสาย
"กงกงโปรดไว้ชีวิตด้วยๆ"
ยิ่งไปกว่านั้นหวังต้าหวู่ยังพูดแฉออกมาด้วยตัวเอง ร้องคร่ำครวญว่า "เขาเข้าไปในวังเย็นเองคนเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับบ่าว ขอกงกงเมตตาด้วย"
อินชิงเสวียนยิ้มแสยะและมองพวกเขา ริมฝีปากบางขยับและพูดว่า
"ลงมือ"
พูดจบก็เดินเข้าไปในวังเย็น
ณ ตอนนี้เจ้าหมาน้อยเพิ่งดื่มนมเสร็จ กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องข้างใน
อวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบวิ่งออกมาตรวจดู
ทว่ากลับเห็นอินชิงเสวียนในชุดขันที ในมืออุ้มโกศใบหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก
"อย่าพูดจามากมาย รีบไปหากระดูกมาสักสองสามท่อน"
ทั้งสองคนหันหน้ามองกัน ในวังแบบนี้จะไปหากระดูกมาจากที่ไหนกัน
ยายหลี่ถามอย่างอดไม่ได้ว่า "พระสนม พระองค์จะเอาไปทำอะไรหรือเพคะ?"
"ข้าบอกกับฝ่าบาทไปว่าอินชิงเสวียนตายไปแล้ว เขาก็เลยให้ข้าเอาอัฐิกลับไป เรื่องอื่นถ้าให้เล่ามันยาว ข้าจะหาเวลากลับมาอธิบายใหม่"
อินชิงเสวียนเพิ่งพูดจบ ข้างนอกก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสของพี่น้องตระกูลหวังดังขึ้น
ยายหลี่และอวิ๋นฉ่ายต่างก็ขนลุกซู่
"นั่นคือ..."
"ข้ามาจัดการสองสารเลวตามรับสั่งของฝ่าบาท เริ่มจากทำให้พวกมันกลายเป็นขันที และลงโทษด้วยการโบย พวกเจ้าไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว"
อินชิงเสวียนพูดจบก็ขนลุกจนตัวสั่นเช่นกัน
เสียงร้องโหยหวนน่าอนาจ แต่คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะสงสารจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...