ณ ตำหนักเฉิงเทียน
เย่จิ่งอวี้แช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ และหลับลึกอีกแล้ว
บาดแผลที่หน้าอกตกสะเก็ดออกหมด ทิ้งไว้เพียงรอบแผลเป็นสีชมพู
ฝีมือการเย็นของเย่จิ่งหลานไม่เลวเลย อย่างน้อยบาดแผลก็ไม่น่าเกลียด
อินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างๆ เมื่อมองไปที่เย่จิ่งอวี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความลำเอียงของท่านเทพผู้สร้าง
ดูเหมือนว่าข้อดีทั้งหลายจะอยู่ในตัวเขาหมดเลย คิ้วหนา เรียวตาหงส์ จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบาง กลุ่มผมสีดำห้อยอยู่บนไหล่ เส้นตรงใต้กระดูกไหปลาร้า กล้ามเนื้อหน้าท้องแน่น และกล้ามท่อนแขนเป็นเส้น หลังมือที่วางอยู่ขอบถังไม้อาบน้ำเห็นเส้นปูดนูน อันทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง
ในสมัยโบราณการที่นางสามารถพบกับชายหนุ่มรูปงามได้ และเขาก็ชอบนางด้วย อาจเป็นผลบุญที่ครอบครัวของนางสั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
แต่ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ดูเหมือนจะหลับไปสักพัก ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อ นางจึงหยิบกระพรวนทองเส้นเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อของนาง
ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่าต้องสั่นเจ้านี่ในตอนกลางคืน ถึงจะตามหาเขาได้ ถ้าลองสั่นดูตอนนี้คงจะไม่เป็นไรกระมัง
อินชิงเสวียนค่อนข้างชอบเสียงนี้ มันฟังดูไพเราะเป็นพิเศษ
นางถือขึ้นแนบหู แล้วเขย่าอย่างแรง ทันใดนั้นกระพรวนทองก็ส่งเสียงดังแผ่วเบา
ในถังอาบน้ำ เย่จิ่งอวี้ลืมตาขึ้นมาทันที
อินชิงเสวียนถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านตื่นแล้วรึ”
ทว่าเรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้กลับมองไปยังกระพรวนทองเส้นนั้น
“เจ้าได้สิ่งนี้...มาจากไหน”
อินชิงเสวียนแกว่งไปมาครู่หนึ่ง เอียงคอแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กทึ่มคนหนึ่งให้มาน่ะ ไพเราะใช่หรือไม่”
เสียงกริ๊งดังทะลุหูของเย่จิ่งอวี้ แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะตื่นขึ้นมา
เขาจับหน้าผากแล้วครางเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด
อินชิงเสวียนตกใจ นางเดินเข้าไปถามว่า “ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปเพคะ”
ขณะที่นางเคลื่อนไหว กระพรวนก็ส่งเสียงดังอีกครั้ง อาการปวดหัวของเย่จิ่งอวี้แย่ลง จนต้องก้มศีรษะ
“อย่ามา”
อินชิงเสวียนหยุดเดิน แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาท...ท่าน...”
เย่จิ่งอวี้พยายามจะพ่นคำพูดออกมา “กระพรวนนั้น...”
เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงรู้ตัวว่าเสียงกระพรวนทำให้เขากระเทือน จึงรีบเก็บกลับเข้าไปในอกเสื้อ
“ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
เย่จิ่งอวี้สงบลง เขารู้สึกประหลาดใจ
เมื่อเสียงกระพรวนดังขึ้น เหมือนเขาจะเห็นภาพบางภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กลับเป็นภาพเลือนราง เขารู้สึกราวกับมีเข็มเหล็กนับพันเล่มทิ่มแทงที่ศีรษะ ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
เขารวบรวมสติและหายใจออกช้าๆ
“ดีขึ้นแล้ว ของสิ่งนั้นมาจากไหนดันแน่”
แล้วอินชิงเสวียนก็เล่าตอนที่ตัวเองได้พบกับต่งจื่ออวี๋ให้เย่จิ่งอวี้ฟัง
ไม่ใช่ว่านางจงใจปกปิด นางแค่รู้สึกว่าต่งจื่ออวี๋และอาซือหลานไม่เกี่ยวข้องกัน คิดว่าต่อให้นางไม่พูดก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม
“สำนักกระบี่สังหารงั้นรึ”
เย่จิ่งอวี้พูดทวนคำนี้เบาๆ แต่เขาไม่เคยได้ยินเลย
เรื่องที่เขารู้คือกิจการบ้านเมือง ไม่รู้เรื่องในยุทธภพเลย
อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “วรยุทธ์ของเขาดูแข็งแกร่งมาก ข้ายอมรับสายกระพรวนทองคำนี้ เพราะข้าต้องการให้เขาช่วยเราจับตัวอาซือหลาน”
เย่จิ่งอวี้ส่ายศีรษะ
“ชาวยุทธ์มีกฎของชาวยุทธ์ ไม่ควรให้พวกเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องในเรื่องราชสำนักดีกว่า”
อินชิงเสวียนไม่เห็นด้วย
“กลัวอะไร ถึงอย่างไรเขาก็อยู่เมืองหลวงไม่นานอยู่แล้ว เขาบอกว่าถ้าพบอาจารย์อาก็จะกลับแล้ว”
“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปยุ่งกับคนพวกนี้มากเกินไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...